แนะนำกล่องรับสัญญาณดาวเทียม truelife+

กล่องรับสัญญาณดาวเทียม truelife+
http://www.weloveshopping.com/truelifeplusbox/special.php

สวัสดีครับ วันนี้ผมมีกล่องรับสัญญาณดาวเทียม มาแนะนำครับ ตอนนี้ค่ายต่างๆ
แข่งขันกันออก กล่องรับสัญญาณดาวเทียม มากันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น PSI
ที่เป็นเจ้าแห่งจานดำ ในพื้นที่ต่างจังหวัด ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของไทย
Grammy กับ  RS ก็ลงมาเล่นตลาดกล่องรับสัญญาณดาวเทียม กันแบบเต็มที่
เพราะว่าเป็นการกระจาย content ที่ตัวเองมีอยู่ ไปยังช่องรายการต่างๆ ของตัวเองได้ง่ายขึ้น

ฝั่งเจ้าตลาดจานแดง (true visions) เองตอนนี้ฐานลูกค้ากระจายไปทั่วประเทศ
ผมไปต่างจังหวัด ไปเขตชายแดน หรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง สปป. ลาว
ก็ยังเห็นบนหลังคา ติดจานแดงกัน เรียกว่า บ้าน 10 หลัง บนหลังคามีจานแดง 9 หลัง
เลยก็ว่าได้ .. แต่เอาเข้าจริง  ก็เกิดคำถามในใจว่า ที่ติดอยู่เป็นจานแดงก็จริง
แต่ตัวกล่องรับ เป็น dreambox หรือเปล่า เพราะว่าสมัยนี้การลักลอบใช้งาน
ที่เรียกว่ากล่อง dreambox กระจายไปทั่ว มีทั้งแบบเก็บรายเดือน  100-200
และแบบขายขาด ดูได้ตลอดก็มี แต่กล่องพวกนี้ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ ผิด กฎหมายนะครับ
แล้วก็เอาความแน่นอนไม่ได้ บางทีซื้อกล่อง dreambox มา แล้วผู้ขายที่อ้างว่าดูได้ตลอดชีพ
อยู่ๆ ปิด server dreambox หนีก็มี ต้องมาลำบากหาผู้บริการใหม่อีก ของผิด กฎหมาย
อยู่ได้ไม่นานหรอกครับ ..  ใช้ของจริงแบบถูกกฎหมายกันดีกว่า ..
ตอนนี้ข่าววงในแจ้งมาว่าทาง true visions กำลังเปลี่ยนการเข้ารหัสใหม่ จะทำให้ dreambox
ทั้งระบบ จะใช้งานไม่ได้ ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ ..

ที่ผมจะมาแนะนำวันนี้ ก็คือกล่องรับสัญญาณดาวเทียม truelife+  ครับ ไม่มีรายเดือน
ซื้อกล่องครั้งเดียวดูได้ตลอดครับ ราคาเริ่มต้นเพียง 1290 บาท เท่านั้นครับ
ดูได้สูงสุดถึง 240 ช่อง สามารถนำไปใช้ได้กับจานทุกสีครับ สำหรับคอกีฬา คอบันเทิง
คอหนัง คอท่องเที่ยว ไม่ควรพลาดครับ เพราะมีช่องรายการดีๆ ให้คุณได้รับชม 24 ชม.
ผมเองก็ว่าจะซื้อไปติดที่บ้านผมเหมือนกันครับ  ..

รายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.weloveshopping.com/truelifeplusbox/special.php

 

Happy New Year 2012

สวัสดีปีใหม่ครับ 2012 ครับ มีความสุขกันทุกๆ ท่านครับ 🙂

สวัสดีปีใหม่ครับ 2012 เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน ในวาระดิถี ขึ้นปีใหม่นี้
ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายในสากลโลก
โปรดดลบันดาลให้ ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ ในหน้าที่การงาน
ไม่เจ็บป่วย สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยด้วยคุณธรรม ศิลธรรม และทรัพย์สินเงินทอง ..

เป็นประจำทุกปี ที่ช่วงปีใหม่ ผมมักเดินทางท่องเที่ยว ไม่ค่อยได้อยู่ กทม. เพราะ
สำหรับผม การเดินทาง ทำให้ผมได้เจออะไรใหม่ๆ ได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆ
ได้เจอมิตรภาพระหว่างการเดินทาง ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้คิดอะไรดีๆ ได้ปล่อยวาง
ได้ idea สร้างสรรค์ ต่างๆ ได้คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และผ่านไป ว่าปีต่อไป จะทำ
อะไรบ้าง และมีอะไรที่ต้องปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนแปลง ให้ดีขึ้นบ้าง ..

ที่ผ่านมาในปี 2011
– ระบบต่างๆ ที่ดูแลอยู่ นิ่งมากขึ้น มีเวลาคิดทำอะไรมากขึ้น
– ได้คนมาช่วยทำงานเพิ่มมากขึ้น
– มีรายได้เสริมจากงานนอกมากขึ้น
– ได้เดินทางท่องเที่ยว ถ่ายรูปมากขึ้น ได้กล้องใหม่ ในช่วงปลายปี
– ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
– กินดื่ม เที่ยวกลางคืน มากเหมือนเดิม
– ใจร้อน เหมือนเดิม จะเอาอะไร ก็จะทำให้ได้
– เริ่มมี idea ที่จะกลับไปทำสวนที่บ้านมากขึ้น
– รายได้จาก SMS ลดลงจากเดิม
– ให้เซียนกอล์ฟทำธุรกิจ Hosting, co-location แทน เต็มตัว

สิ่งที่จะต้องทำในปี 2012
– วางแผนเรื่อง Infrastructure ของระบบที่ดูอยู่ให้ดียิ่งขึ้น
– วางแผนเรื่อง Backup, DR Site ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น
– ลดรายจ่ายต่างๆ ที่ไม่จำเป็นลง ให้ได้
– Backpack เดินทาง ท่องเที่ยว ถ่ายรูป ให้มากขึ้น ทั้งในและนอกประเทศ
– ออกกำลังกาย ให้มากขึ้น
– กินดื่ม ให้น้อยลง รักษาสุขภาพให้มากขึ้น
– ใจเย็น ปล่อยวาง ทุกอย่าง ต้องเป็นไปตามที่มันจะต้องเป็น
– หาธุรกิจ อื่นๆ ทำเป็นรายได้เสริม จากรายได้จาก SMS
– เขียน content ลง Travel-is.com ให้ถี่ขึ้น และปรับปรุงเว็บให้ดีขึ้น
– ซื้อจักรยานมาปั่น ซื้อ Jeep XJ ไว้เดินทางท่องเที่ยว ในวันหยุด
– ทำบ้านที่จันทบุรี ให้เสร็จในปี 2555
– หาแฟน แต่งงาน 🙂

ที่เขียนมาก็เป็น plan ส่วนนึง ที่ผมจะต้องทำให้ได้ ..

สบายดีหลวงพระบาง ปีใหม่ 2012

ตักบาตรข้าวเหนียว ที่หลวงพระบาง

สวัสดีปีใหม่ ล่วงหน้าครับ ปีนี้ ก็เป็นอีกปีนึง ที่ผมมา countdown ที่หลวงพระบาง
กับเพื่อนพ้องน้องพี่ เมื่อสองปีที่แล้ว ผมก็มาหลวงพระบาง ช่วงปีใหม่เหมือนกันครับ ..
ครั้งนี้นับเป็นการเดินทางที่ตื่นเต้นไม่น้อยครับ เพราะว่ามาเส้นทางใหม่ ที่อนาคต จะเป็น
เส้นทางที่น่าสนใจมากๆ เส้นนึงครับ ผมจะเล่าถึงการเดินทางกันก่อนนะครับ เดี๋ยวเอารูป
มาลงเพิ่มเติมอีกทีครับ ..

ผมเริ่มจากนั่งรถทัวร์ จากหมอชิต มาลงที่เมืองน่าน เดินทางด้วยกัน 6 ชีวิตครับ
ออกเดินทาง 19.30 น. ของวันที่ 27 ธันวาคม 2011 มาถึงน่านก็เช้าๆ แล้ว
ต่อรถบัสส้ม ตอน 06.00 น. มาลงที่ทุ่งช้างครับ แล้วก็เหมารถสองแถวมาลง
ที่ด่านห้วยโกร๋น ระหว่างการเดินทาง ได้พบมิตรภาพ ของผู้คนท้องถิ่นตลอดการเดินทาง
คนน่าน ใจดีและมีน้ำใจมากครับ ผมและคณะการเดินทาง ประทับใจกันมากๆ ครับ ..

จากด่านห้วยโกร๋น เราก็เดินข้ามมาที่ด่านเมืองเงิน ของทาง สปป. ลาว จากนั้นเจอ
พี่คนไทยใจดี ที่มาขี่เสือภูเขาเที่ยวเมืองเงิน แนะนำเรื่องการเหมารถเรา ซึ่งได้ราคาถูกว่า
ราคาเหมาที่ด่านเมืองเงิน เกือบครึ่ง เรานั่งรถตู้ของคุณลุง ที่ใจดีมาก มาลงที่เมืองปากแบ่ง
ในราคาแค่ 1500 บาท ก็คุยตกลงเรื่องราคา เฮือเร็ว (speed boat) จากปากแบ่ง
เพื่อมาหลวงพระบางกัน สรุปได้ที่ราคา 5000 บาท ระยะเวลาที่ใช้เดินทาง ก็ประมาณ
สองชั่วโมงกว่าๆ แต่ว่าตลอดเวลาที่นั่ง ทิวทัศน์ ริมน้ำโขงสองข้างสวยงามมากครับ ผมเอง
ก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน และเราได้ตื่นเต้นกันตลอดเส้นทางการเดินทาง ถ้าใครไม่เคยมา
หลวงพระบางเส้นทางนี้ ผมแนะนำเลยครับ รับรองว่าน่าประทับใจแน่นอน ..

เรามาถึงหลวงพระบางกันก็ประมาณเวลา 16.30 น. ของวันที่ 28 ธันวาคม 2011
ที่พักที่เจ๊ตุ้ม จองไว้ผ่านทางเน็ต ก็คือที่ “พะสิด guesthouse” ที่พักอยู่ข้างๆ พระธาตุพูสี
ใกล้ๆ ริมน้ำคาน ที่พักสะอาด ดีมาก และเจ้าของเป็นกันเอง มี WiFi ให้ใช้ สบายๆ ..

หลวงพระบางเป็นเมืองที่สวยงาม สงบ ทุกอย่างลงตัว คนลาวมีน้ำใจ และมีความซื่อสัตย์
ยกเว้นพวกรถราต่างๆ ที่ชอบหาเรื่องเราเปรียบ จะโกงเราตลอดเวลา ตรงนี้ ถ้ามาลาว
ต้องระวังกันให้ดีๆ ครับ อย่าเพิ่งไปตามราคาที่เค้าจะเหมา เพราะมันแพงมาก ให้เดินมา
จากตรงนั้นอีกนิดหน่อย เจอถนน ก็จะเจอ สามล้อ คันอื่นๆ ที่ราคาถูกว่าหลายเท่า ..

ช่วงเวลาตลอด สี่วัน มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำเยอะมาก ที่หลวงพระบาง ช่วงนี้นักท่องเที่ยว
มีจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่ง ญี่ปุ่น และที่มากที่สุด ก็คือคนไทย มีคนจำนวนไม่น้อย
ที่มาหลวงพระบางแล้วประทับใจ แล้วกลับมาอีก หลายรอบ เรื่องอาหารการกินถ้าเทียบกับ
ที่เมืองไทยของเรา อาหารอาจจะแพงกว่าหน่อย เพราะว่าทุกอย่างต้อง import เข้าจากไทย
แต่โดยรวมแล้ว ถือว่าค่าครองชีพไม่ได้ต่างกันเท่าไร ..

คืนนี้รอ countdown ที่หลวงพระบาง แล้วผมจะมาสรุปเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาของผม
และอนาคตในปี 2012 อีกรอบครับ 🙂

ระบบตรวจสอบระดับน้ำในคลอง และน้ำท่วมถนน

ระบบตรวจสอบน้ำในคลองต่างๆ ของ กทม.
URL : http://ton.packetlove.com/bkkflood.php

ระบบตรวจสอบระดับน้ำบนถนนต่างๆ ของ กทม.
URL : http://ton.packetlove.com/bkkroad.php

เมื่อวานหลังจากที่ผมลองเข้าเว็บของสำนักระบายน้ำ กทม. และหน่วยงานอื่นๆ
ที่เกี่ยวกับน้ำท่วม ทำให้ผมเกิดความไม่สะดวกมาก เพราะเว็บค่อนข้างหนัก
และส่วนใหญ่เป็น Flash ทำให้ไม่สามารถ ใช้พวก mobile device ต่างๆ เข้าถึงได้
เพราะถึงเวลาจริงๆ แล้ว ปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ ใช้ mobile device ในการเข้าถึงข้อมูล
กันมากกว่าใช้ PC เสียอีก เพราะสะดวก และสามารถทำได้ทุกที่ ลักษณะการใช้งาน
ส่วนใหญ่ ต้องการข้อมูลที่ดูแล้วเข้าใจง่าย เข้าถึงได้เร็ว รู้ว่าตรงไหนจะท่วมหรือไม่
แค่นั้นเอง จะได้เตรียมตัวถูก ..

ตอนแรกผมคิดว่าจะทำเป็น app ไปแจกใน App Store แต่ว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ไป
และกว่าจะได้  approve คงไม่ทันได้ช่วยเหลืออะไรทันแน่ๆ ก็เลยเขียนเป็น web เอา
และให้ทำงานได้ ในทุก device ไม่ว่าจะเป็น PC/mobile หรืออะไรต่างๆ ที่มี browser
ที่รองรับ HTML แบบพื้นฐานได้ และมีแต่ข้อมูลที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้นก็น่าจะพอ ..

รายละเอียดต่างๆ ผมดึงข้อมูล ที่เป็น XML ของ สำนักระบายน้ำ กทม. มา โดยไม่ได้
ทำการขออนุญาต แต่อย่างใด ซึ่งผมคิดว่า คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะก็เป็นทางนึง
ที่จะช่วยทำให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เข้าถึงประชาชนจำนวนมากได้ ทันเหตุณ์การ
ช่วยลดความสูญเสีย ความกังวลต่างๆ ของประชาชนได้ แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว ..
จริงๆ แล้ว ทางสำนักระบายน้ำ ไม่ได้มี APIs ให้ใช้แต่อย่างใด แต่ก็น่าชื่นชมที่หลายๆท่าน
ใช้วิธีการแกะ การเจาะ จนได้ข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ มาช่วยบริการประชาชน
ที่กำลังเดือดร้อนในตอนนี้ ..

สิ่งนึงที่ผมหวังว่าทางหน่วยงานของรัฐคงจะนำบทเรียนครั้งนี้ไปคิดดูให้ดี ในการจัดการ
กับระบบเตือนภัยต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบบ เตือนน้ำท่วม เตือนสภาพอากาศ
เตือนซึนามิ เตือนระบบจราจร และอื่นๆ ให้ดีขึ้นกว่านี้ และควรจะมี APIs ที่เป็นมาตรฐาน
เพื่อที่จะให้หน่วยงานเอกชน บุคคล หรือคนที่มีกำลังมีความสามารถ ได้นำเอา ข้อมูลที่
จำเป็นเหล่านี้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อส่วนรวมได้ ต่อไปอาจจะมี app ดีๆ ต่างๆ มากมาย
ตรงนี้ ผมก็เพียงแต่คิดว่า มันจะมี แต่ก็ไปหวังอะไรไม่ได้มากนัก ..

สุดท้ายผมหวังว่า เราชาวไทย จะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ด้วยดีครับ 🙂

ความเก๋า หาซื้อตามห้างสรรพสินค้าไม่ได้

ผมไม่ได้เขียน blog มานานครับ เพราะมัวแต่ update status ผ่าน FB
วันนี้ ว่างๆ ก็เลยมีเรื่องที่อยากเล่า มาเขียนให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ อ่านกันครับ ..

ตามหัวข้อเลยครับ ความเก๋า มันไม่ได้หาซื้อกันได้ มันต้องมาจากประสบการณ์
ที่สั่งสม เรียนรู้ ลองผิด ลองถูก ตลอดจน ฝึกฝนศึกษา สิ่งใหม่ๆ เสมอ ไม่หยุดนิ่ง ..

สำหรับผมเอง กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ ที่มาดูระบบเว็บใหญ่ๆ ระดับประเทศได้ ไม่ใช่ว่า
จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ครับ ผมเริ่มทำเว็บตั้งแต่ ปี 1996 เพื่อทำเป็นของขวัญวันเกิด ให้กับ
ผู้หญิงที่ผมรักมาก สมัยก่อน คนเขียนเว็บได้ มีน้อยมาก เขียนเป็น HTML มี JS นิดหน่อย
มี Java Applet นิดหน่อย พอเท่ห์ มีเสียงเพลง ที่เป็น melody นิดหน่อย (.midi)  ทำเป็น
ของขวัญวันเกิดให้เค้า ใส่แผ่น FD 1.44″ แล้วก็ทำ virus ที่บรรเลงเพลง HBD และขึ้น
ข้อความ HBD คนที่ผมรัก กระจายไปทั่วในยุคนั้น (เค้าคงไม่ปลื้มหรอก) ..

ต่อมาผมเขียนด้วย HTML และ Java Script จนเบื่อแล้ว ก็เริ่มอยากให้มัน dynamic
มากขึ้น ก็เลยมาเริ่มเขียนด้วย Perl (CGI) ทำให้เว็บสามารถติดต่อกับผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
มี Webboard มี GuestBook มี  Counter มีอะไรต่างๆ ไว้ติดต่อกับ user ให้ดูเว็บน่าสนใจ
มากยิ่งขึ้น สมัยก่อน เก็บ data เป็น textfile ผมเชื่อว่า คนที่เขียนโปรแกรม ติดต่อกับ
textfile มาก่อน เป็นคนที่มีประสบการณ์สูง จะมาเขียน ติดต่อกับ DB ต่างๆ ก็ทำได้
อย่างง่ายดาย .. ต่อมาผมเริ่มเขียน PHP เพราะว่ามันยืดหยุ่นกว่า Perl ทำงานได้ง่ายกว่า
เขียนง่ายกว่า จาก textfile ธรรมดา เริ่มมี DB ที่ชื่อว่า MySQL เข้ามา สมัยนั้น ถือว่าเจ๋งมาก
ผมเขียน Webbboard เขียน GuestBook แจก แล้วก็เปิดเป็น Free Service ด้วย ..

เปิดเว็บบริการ Free Webboard, Free GuestBook ด้วย PHP+MySQL สมัยนั้น คนใช้เยอะมาก
ทั้งเมืองไทย และเมืองนอก Server เริ่มทำงานหนัก ผมเลยต้องหันมาทำ Server เอง โดยเริ่มต้น
จากเอา PC เสปค ธรรมดา มาลง Linux โดยได้พี่บอมบ์ (MangMug) มาช่วย ตอนนั้นผมเริ่ม
ได้จับ Unix จริงๆ จังๆ โดยได้เข้าไปทำงาน ที่สำนักวิจัยคอมพิวเตอร์ KMITL โดยได้พี่กิตติ ช่วยสอน
ในเรื่องต่างๆ ทำให้ผมได้มีทุกวันนี้  ..

จากนั้นมาผมก็ต้องดูระบบหนักๆ มาตลอด ทำให้ความแข็งแกร่งและประสบการณ์ เพิ่มขึ้น
ผมพูดมาซะยาว เพียงเพราะอยากให้คนรุ่นหลังๆ ได้เข้าใจว่า ไม่มีความสำเร็จใด มันหาซื้อได้
หรือได้มาง่ายๆ ทุกอย่าง มันต้องอาศัยความทุ่มเท การเรียนรู้ และพัฒนาตนเองตลอดเวลา
ทุกวันนี้ ผมไม่ได้คิดว่าผมประสบความสำเร็จ ผมก็ยังไม่ได้หยุดที่จะเรียนรู้ ในเรื่องที่ผมสนใจ
อยู่ตลอดเวลา อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ครับ ..

ความท้าทาย ทำให้เรามีไฟในการทำงาน

true coffee

สวัสดีครับ ช่วงนี้ผมห่างหายไปนาน ไม่ได้มาเขียน blog เลยครับ แต่ไม่ได้หายไปไหน
หรอกครับ ยังอยู่หน้าจอคอมตลอด บางคนกล่าวไว้ว่า คนที่งานยุ่ง คือคนที่แบ่งเวลา
ไม่เป็น ผมว่าสำหรับบางอาชีพ ที่ต้องรับผิดชอบ 24×7 มันก็แบ่งเวลายากเหมือนกัน
นอกจากจะทำให้ระบบที่ดูแลอยู่ มันนิ่ง และเกิดปัญหาน้อยที่สุด ..

ผมเองไม่เคยสบายใจเลย ถ้าระบบที่ผมดูอยู่ไม่ดีพอ อยากทำให้มันดีที่สุด แต่บางอย่าง
ก็ต้องอาศัยหลายๆ ปัจจัย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา ใช้แรงงานคน ใช้งบประมาณ แต่ผม
เชื่อว่า สักวัน สิ่งต่างๆ ที่เราตั้งใจทำ เราทุ่มเท ทำด้วยความเชื่อมัน มันจะสำเร็จ แน่ๆ
มันก็เป็นความท้าทาย ที่ทำให้เรามีไฟในการทำงาน ยิ่งยากๆ ผมยิ่งชอบ ต้องทำให้ได้
งานจะสนุกไม่สนุก จะน่าเบื่อหรือไม่น่าเบื่ออยู่ที่เราเอง ถ้าเรามีเป้าหมายของเรา ผมว่า
ทุกงานเป็นงานที่สนุก ท้าทาย ..

บางทีงานดูระบบ idea ในการแก้ปัญหา เป็นส่ิงที่สำคัญมาก มันไม่มีอะไรที่ถูกผิด
ไม่มีอะไรที่ 1+1 ต้อง เท่ากับ 2 แต่ว่าปัญหาต่างๆ บางทีการแก้ไข ต้องทำหลายๆทาง
ไม่มีสูตรสำเร็จในการแก้ไขปัญหา เรื่องพวกนี้ ต้องเรียนรู้ ต้องค้นคว้า และต้องอาศัย
ประสบการณ์ที่ผ่านปัญหาต่างๆ มา เพื่อวิเคราะห์และแก้ไข ..

เมื่อวานผมเกิด idea ขึ้นมานิดนึง ก็เลยให้เพื่อนช่วยกันแก้ ตาม idea ที่คิดได้ ก็ทำให้
อะไรๆ ดีขึ้นมาได้เยอะเหมือนกัน จะได้มีเวลาไปคิด ไปทำอะไรเพิ่มหน่อย 🙂

212cafe.com

212cafe.com

สวัสดีครับ พอดีได้อ่านแถลงการณ์ เรื่องการขายเว็บ และขอบริจาค จากทาง 212cafe.com
แล้วผมรู้สึก เศร้ามากครับ เพราะว่าเป็นเว็บที่ก่อตั้งมากะมือ เป็นคนจด domain และก็
เขียนโปรแกรมให้บริการทั้งหมด จากบ้านที่สวนที่จันทบุรี ..

ที่มาของ 212cafe.com หลายๆ คนยังไม่รู้ ว่าเป็นมายังไง ถึงได้ชื่อนี้ จริงๆ มันมีเรื่องราว
ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากครับ ชื่อนี้ได้มาจากห้องที่ผมอยู่กัน สมัยเรียนวิศวะลาดกระบัง
รุ่น 39 เป็นห้องที่อยู่ที่หอชัยพฤกษ์ เป็นหอนอกครับ พวกเราอยู่กัน แบบรักกันมาก
มิตรภาพระหว่างเพื่อนสมัยนั้น ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ที่ผลักดันให้ทุกวันนี้ ก้าวหน้า
ในหน้าที่การงานกัน ที่ห้อง 212 สอนให้เรารู้ว่า การเรียนอย่างเดียว ไม่ใช่วัดประสิทธิภาพ
ของคน แต่การเรียนมหาลัย ต้องทำกิจกรรม ต้องเข้าสังคม ต้องช่วยเหลือแบ่งปันคนอื่น
ที่นี่ผมได้รู้จักเพื่อนที่ดี มีน้ำใจ มีแต่จะให้ ไม่คิดเอาเปรียบกัน เพื่อนที่ดี มีส่วนให้เราไปได้ดี ..

ตอนก่อตั้ง 212cafe.com ผมปรึกษาพี่เปี๊ยก (webmaster พระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง)
สมัยก่อน การจะจด domain name ไม่ง่ายเหมือนสมัยนี้ครับ ทำได้ยากมาก ตอนแรก
ผมเองก็ไปขอใช้ server ของพี่ตัวเล็ก (TourThai.com) เพื่อให้บริการ ระบบฟรีต่างๆ
เพราะว่าสมัยก่อน การที่คนจะเขียนโปรแกรมระบบ webboard, guestbook, poll เอง
ยังทำได้ยาก เพราะ free hosting ต่างๆ ไม่ให้รันพวก PHP และคนที่เขียน PHP, Perl
ที่ใช้เป็นโปรแกรมทำงานผ่านเว็บได้ ยังมีน้อยมาก ผมเป็นคนแรกๆ ในไทย ที่เขียน
และเขียน source code แจกเป็น open source สมัยก่อน เราอยู่กันที่เว็บพี่แสนศักดิ์
http://php.deeserver.net สมาชิกรุ่นเก่าๆ ตอนนี้ ก็ใหญ่ๆ โตๆ กันหมดละ หลายๆคน
ก็ไม่ได้ทำเว็บแล้ว สมัยก่อนอบอุ่นมาก .. ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีกันเหมือนสมัยนี้ ..

หลังจากทีี่ผมซุ่มเขียน code ในสวนที่จันทบุรี สักพัก ก็เปิดให้บริการในชื่อ 212cafe.com
ตอนนั้น server เป็นเพียงเครื่อง PC ธรรมดา ที่เอามา modify กันเอง ได้รับการสนับสนุน
จากพี่หวาน modify โดยเพื่อนโย และช่วยทำระบบลง OS ให้โดยพี่บอมบ์ mangmug
spec ก็ประมาณ P4 mem 256 H/D 60GB แค่นี้ก็แรงมากละ รองรับกับจำนวน user
จำนวนหลายหมื่นคนได้ ต่อมาก็พัฒนาต่อมาตลอด จนเป็น free service อันดับ 1 ของไทย
เครื่องก็ซื้อเพิ่มกัน โดยการช่วยเหลือ และการช่วยสมทบทุนเป็นหุ้นส่วนของเพื่อนๆ พี่ๆ
ในสมัยนั้น ตรงนี้ เป็นความประทับใจมากๆครับ ทุกคนช่วยกันไม่เคยทิ้งกัน ..

ส่วนที่กระแสข่าวในอดีตเกี่ยวกับ ต้น 212 หรือ ต้น 212cafe ออกมาว่า ไปยิงชาวบ้านอะไร
ตรงนี้ ผมไม่เคยได้พูด ไม่เคยมีโอกาสได้แถลงการณ์อะไร แต่ถ้าคนที่รู้จักผมจริงๆ
จะเข้าใจว่าเรื่องราวอะไรต่างๆ มันเป็นยังไง แล้วผมก็ไม่ได้ต้องการแก้ตัวอะไร ถ้าไม่มีเหตุ
ผมไม่ทำอะไรใครก่อนแน่ๆ แต่บางครั้ง การที่ผมเป็นคนรักเพื่อน ใจนักเลง ตรงนี้
ถ้าใครมารังแกเพื่อนผม หรือว่ามาโกงเพื่อน หรือคนที่ผมรู้จัก ถ้าเค้ามาขอผมช่วย
ผมไม่เคยปฏิเสธ ยินดีช่วยเสมอ ไม่ว่าผมกำลังมีเรื่องกับใคร ผมก็ไม่เคยกลัว เพราะว่า
ผมไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบ การเสแสร้ง การสร้างภาพ ..

ส่วนเรื่องที่ผมขาย 212cafe.com ให้ท่านปุ๊ก ก็หลายปีมาแล้วครับ ตอนที่ผมจะไปใช้ชีวิต
แบบสันโดดอยู่ที่เชียงใหม่ ก็เลยหวังว่าจะให้ท่านปุ๊กมาดูแลต่อ ผมจะได้เบาใจได้ ..
น่าจะประมาณปี 2005 กลางๆ ปี รายละเอียดเดี๋ยวผมจะมา update อีกทีครับ ตอนนั้น
ก็คิดว่า user น่าจะสบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร น่าจะไปได้ด้วยดี ..

วันนี้ผมเห็นแถลงการท่านปุ๊ก แล้วผมก็รู้สึกว่าผมเป็นคนสร้าง แต่ว่าต่อมามันทำให้
ต้องมีผลกระทบกับ user แล้วผมรู้สึกไม่สบายใจเท่าไรครับ ยังไง ผมจะพยายาม
หาทางออกที่ดีที่สุดช่วยนะครับ จะไม่ยอมให้ user ได้รับผลกระทบเด็ดขาด ในฐานะ
ที่ผมเป็นผู้ก่อตั้ง 212cafe.com ..

I have no security :)

สวัสดีครับ ไม่ได้ update blog มานาน เลยขอมาอัพหน่อย title
อาจจะดูเป็นคำแสลงไปหน่อยครับ “I have no securityฉันไม่มีความปลอดภัย
ตรงนี้ผมอยากจะพูดถึงเรื่อง web security อีกสักนิดครับ จริงๆ เบื่อมาก
กับคำว่า security เพราะว่ามีแต่คนพูด แต่ว่าไม่ค่อยรู้จริงกันเท่าไร พูดตามๆ กันมา
เชื่อตามๆ กันมา ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้ว่ามันถูกหรือผิด เค้าสั่งมาแบบนั้น ก็ต้องทำตาม
อะไรแบบนี้ ซึ่งผมคิดว่านี่แหละคือความเสื่อมของเรื่องความปลอดภัย ..

คำว่า security พูดง่าย แต่ทำจริงๆ ยากมากครับ ผมเคยพูดไว้หลายๆ ครั้งว่า ถ้าคุณไม่เคย
เป็น hacker หรือลอง hack ระบบต่างๆ มาก่อน (ในที่นี้ขอพูดถึงเรื่องเว็บนะครับ
เพราะระบบหลักๆ ในปัจจุบัน เป็น web app หมด) ก็อย่าพูดเรื่อง security เลย เพราะว่า
มันฟังดูแปร่งๆ ฟังแล้วงงๆ ไม่ได้น่าเชื่อถืออะไรเลย ..

ผมขอสรุปง่ายๆ สั้นๆ ตรงนี้เลยว่าอะไรคือความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ web security บ้าง
เท่าที่เจอมาตลอด 10 กว่าปีนะครับ ..

1.Firewall ไม่ได้ช่วยเรื่อง security นะครับ อย่าคิดว่ามีอะไรที่ทำให้ช้าๆ หลายๆ hop
แล้วจะทำให้ระบบของคุณปลอดภัย มันไม่เกี่ยวกัน เมืองนอกเค้าเลิกพูดถึงกันแล้วครับ
เรื่องนี้ บางทีเจอ UDP flood มาทีแบบ BW แทบเต็ม ISP ทั้งหมดของไทย ทำไมเค้าป้องกัน
กันได้ ไม่ใช่เค้ามี Firewall ราคาแพง คุณภาพอัจฉริยะนะครับ วันหลังผมจะมาอธิบาย
วิธีการอีกทีว่าเค้าป้องกันกันแบบไหน ใช้วิธีไหนบ้าง ..

2.วิ่งวง private โดยการ map host เป็น domain เอาข้างใน โดยคิดว่าวิ่งกันข้างในแล้ว
security อันนี้ เป็นความคิดที่ผิดมากๆ และไม่เป็นไปตามมาตรฐาน วิธีการนี้ ถ้าใช้กับ
การ develop ผมก็เห็นด้วยครับ จะได้ไม่ต้องแก้ code อะไรมาก แต่ว่าถ้าไปใช้จริงๆ สมมติ
คุณมีเครื่องอยู่ 1000 เครื่อง คุณไปนั่ง map host กันไหวไหมครับ ทั้งๆ ที่เค้ามี DNS ไว้
เป็นมาตฐานอยู่แล้ว จริงๆ วงข้างใน มีอะไรอันตรายกว่าขา public อยู่เยอะครับ เพราะว่า
มาจากความเชื่อที่ผิดๆ เหล่านี้แหละ ทำให้ไม่มีระบบตรวจสอบต่างๆ ที่แข็งแรงพอ ไม่เหมือนกับ
การวิ่งผ่าน public IP ที่ถ้ามีปัญหาอะไร จะรู้ได้ทันที และแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ในเมื่อ
ทั้ง private และ public อยู่เครื่องเดียวกัน คุณจะไปกลัวขา public ทำไม web app
เวลาเค้า hack กัน เค้า hack ผ่าน app ที่บกพร่องครับ ยังไงก็เข้าได้ ไม่อย่างนั้น เว็บใหญ่อย่าง
Google, Facebook เค้าคงต้องให้เราลากสาย LAN ไปต่อกับเค้าขา private ถึงจะใช้ API
เค้าได้นะครับ แต่ไม่เห็นเค้าทำแบบนั้นเลย เห็นเค้าเปิดให้ใช้ API ผ่าน public กันหมด โดยที่
มีปัจจัยอื่นๆ ในการควบคุมการเข้าถึงครับ เช่น อัตราในการ access ถ้าคุณใช้เยอะเกิน ก็อาจจะ
ต้องเสียค่าทำเนียม อะไรทำนองนี้เพิ่มเติม ซึ่งผมว่าตรงนี้ คือมาตรฐานที่ถูกต้องแล้วครับ ..

3.จำกัดเรื่อง Internet ไม่ให้เครื่อง server ออกเน็ตได้ เพราะว่ากลัวไป update อะไรที่ไม่ถูกต้อง
เข้ามาที่เครื่อง รู้ไหมครับ ว่าวิธีการนี้ เป็นการทำให้ security ของระบบต่ำลงมาก ในระบบ Windows
ผมไม่รู้นะครับว่า เป็นแบบไหน แต่ระบบของ Unix ต่างๆ กว่าจะออก patch ออก release มาแต่ละตัว
มีการตรวจสอบกันละเอียดมากครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีความผิดพลาด ถ้าคุณเข้าใจมันดีพอ ..
การที่คุณเห็น security report ออกมาแล้วคุณคิดว่า ไม่น่ามีผลอะไร นั่นคือการที่คุณกำลังทำร้าย
ระบบของคุณเองอย่างรุนแรงครับ bug แค่นิดเดียวก็สามารถทำให้ใครก็สามารถเป็น root เครื่องคุณได้
โดยไม่ต้องมีความรู้อะไรมากมาย อาศัยแค่ exploits  ต่างๆ ที่ทำออกมาแจกกันก็พอ ..

วันนี้ผมขอจบแค่นี้ก่อนครับ ใครที่อยากศึกษาเรื่อง web security อย่างจริงๆ จังๆ แนะนำ
http://packetstormsecurity.org/ (ไม่ใช่ PacketLove.com นะครับ)

Stitch

stitch สติช

สวัสดีครับ อยากรู้เรื่องประวัติของ stitch (สติช) เพื่อนๆ คนไหนทราบความเป็นมา
ของตัวการ์ตูน stitch ช่วย post บอกผมด้วยครับ พอดีเค้าว่า stitch เจ๋งดี ..