บางกระเจ้า (Bang Krachao) ปอดของชาวกรุงเทพ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปปั่นจักรยานที่บางกระเจ้า
อยู่ใกล้ๆ กรุงเทพนี่เอง แต่ไม่เคยไปเลย ได้ยินมาว่าเป็นแหล่งผลิต
โอโซนที่ดีทีสุดในโลก และเป็นเหมือนปอดของชาวกรุงเทพ ..

ผมหาข้อมูลการเดินทาง จากเว็บต่างๆ การเดินทางไม่ยาก เริ่มที่
BTS บางนา แล้วเรียกใช้บริการพี่วิน ไปท่าเรือวัดบางนานอก
บริเวณนี้ จะมีร้านอาหารอร่อยๆ เยอะเหมือนกัน ผมแวะกินก๋วยเตี๋ยวหมู
ใกล้ๆ ท่าเรือ เห็นคนเยอะดี แต่งร้านได้เก๋ดี ราคาก็ไม่แพง อร่อยด้วย ..

นั่งเรือข้ามฝาก เก็บเงินปลายทาง คนละ 4 บาท มีมอไซค์ข้ามด้วย
แต่คนไม่พลุกพล่านมาก เหมือนเกาะเกร็ด ชิลๆ สบายๆ กว่าเยอะ
ประมาณ 5 นาที ก็ถึงท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอก ลงเรือก็หาเช่าจักรยาน
มีร้านให้เช่าหลายร้าน จักรยานที่นี่ส่วนใหญ่เป็นจักรยานมือสองญี่ปุ่น
ราคาชั่วโมงละ 30 บาท แต่ถ้าเกิน 3 ชั่วโมงจะคิดเหมาที่ 80 บาทต่อวัน
คุณภาพ พอใช้ได้ ดีกว่าเกาะเกร็ดเยอะเลย เพราะที่นี่นิยมปั่นจักรยานกัน
ทางที่ปั่นสวยงาม และร่มรื่นมาก มาครั้งแรก เจอทางแบบนี้ ประทับใจ ..

ผมเองไม่ได้เอาจักรยานมา เพราะมาครั้งแรก อยากมาสำรวจดูมากกว่า
ว่าถ้าเอาจักรยานมาเอง จะเอาข้ามมาได้แบบไหนบ้าง ทางปั่นเป็นยังไงบ้าง
ก็เลยมาเช่าของร้าน อ็อดตู้โค้ก ที่อยู่ข้างๆ ตู้โค้ก บริเวณท่าเรือ คุณภาพ
ก็ถือว่าใช้ได้ ผมปั่นไปประมาณ 3 ชั่วโมง เค้าคิดแค่ 60 บาท ก็ไม่แพง ..

บางกระเจ้า ยังอนุรักษ์วิถีตั้งเดิมไว้ได้ดีมาก ส่วนใหญ่จะทำสวนผลไม้กัน
ทำให้ระหว่างทางปั่นจักรยาน มีแต่สีเขียว บรรยากาศร่มรื่นมาก สมกับที่
เป็นแหล่งโอโซนที่ดีที่สุดของโลก และเป็นปอดของคนเมืองกรุง ..

สถานที่ ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมีป้ายบอกทางชัดเจน มีป้ายบอกทางตลอด
เช่นตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง, บ้านธูปหอม, Bangkok Tree House, พบรัก
พิพิธภัณฑ์ปลากัด, สวนศรี (สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์)
นอกจากนั้นยังมีวัดวาอาราม ให้เข้าไปไหว้พระ และวิถีชุมชน อาหารการกิน
ให้ได้สัมผัส อีกมากมาย ..

บางกระเจ้าเป็นเมืองของคนรักการท่องเที่ยว แบบชิลๆ โดยการปั่นจักรยาน
อย่างแท้จริง เพราะอากาศดี ไม่ร้อน มีอะไรให้ดูตลอดเส้นทาง ..
สวนศรี มีทางปั่นจักรยาน ที่จัดทำไว้รองรับนักปั่นอย่างดี มีหอดูนก สำหรับ
คนชอบดูนก อีกด้วย ที่นี่ผมได้เจอกับเจ้าของ BamBoo Bike ที่รักจักรยานมาก
เค้าเอาจักรยานคันทดสอบ มาปั่นดู เห็นบอกว่าเดี๋ยวจะมีทริปเฉพาะจักรยาน
ไม้ไผ่ ที่บางกระเจ้า เป็นที่แรก ประมาณ 20 คันเร็วๆ นี้ ..

บทสรุป ครั้งแรกสำหรับบางกระเจ้าสำหรับผม ผมประทับใจมาก เหมาะกับ
การปั่นจักรยานชิลๆ กินลม ชมบรรยากาศ หาซื้ออาหารอร่อยๆ ผลไม้สดๆจากสวน
Bangkok Tree House ก็ตกแต่งได้สวยงาม เข้ากับธรรมชาติได้ดีมาก
ถือเป็น Land Mark นึงของบางกระเจ้าได้เลย ใครมาก็ต้องแวะไปชม ..

การเดินทางจริงๆ สามารถเอารถยนต์ข้ามมาได้ สำหรับคนที่อยากมาแบบชิล
กับครอบครัว ทางท่าเรือพระประแดง ส่วนรายละเอียดสามารถหาได้ตามเว็บ
เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เห็นมีรถยนต์เข้ามาเยอะพอสมควร
แต่จะไม่ได้บรรยากาศการปั่นชมสวน ชมธรรมชาติ ที่เป็นหัวใจหลักของบางกระเจ้า ..

ฟาร์ม 900 ไร่ แม่โจ้ (MAJOE FARM)

ช่วงปลายปี 2015 ผมได้มีโอกาสเอาจักรยานไปปั่นที่เชียงใหม่
เชียงใหม่ ไม่ได้กลับไปเยือน นานมากแล้วเหมือนกัน ..
เป้าหมายหลักของทริปนี้ ก็คือปั่นไปเรื่อย ดูความเปลี่ยนแปลง
เพราะว่า ไม่ได้มานาน เชียงใหม่เปลี่ยนไปเยอะมาก
รถยนต์เยอะขึ้น นักท่องเที่ยวชาวจีนเยอะขึ้น สิ่งก่อสร้างเยอะขึ้น
แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปก็คือ ความใจดี มีน้ำใจ ความน่ารัก
ของคนเชียงใหม่ ที่ไปเยือนครั้งไหน ก็ประทับใจ ..

มาถึงเชียงใหม่ จริงๆ ผมอยากปั่นเส้นแม่ริม แต่ดูแล้ว
รถพับ Dahon Boardwalk ที่ผมนำมาด้วย ไม่น่าไหว
ครั้งถ้าถ้าเอาเสือภูเขามา คงได้ปั่นเส้นนี้ แบบชิลๆ ..

พอดีมีเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย ที่วิศวะ ลาดกระบังด้วยกัน
มาซื้อบ้านตั้งรกราก อยู่แถว ม.แม่โจ้ ผมก็เลยแวะไปเยี่ยมเยือน
แล้วก็เลยถือโอกาสปั่นเส้นทาง ฟาร์ม 900 ไร่ ของแม่โจ้
เป็นฟาร์มทดสอบทางการเกษตรของทางมหาลัย เส้นทางไม่ไกล
จาก ม.แม่โจ้มากนัก ไปกลับประมาณ 10 กว่ากิโล ทางดี
รถพับแบบผมไปได้สบายๆ เส้นทางสวยงาม ไม่ค่อยมีรถใหญ่วิ่ง
เป็นเส้นทางนึง ที่อยากแนะนำ ถ้าไปแถวนั้น ต้องไม่พลาด ..

พูดคุยกับนักปั่นท้องถิ่นแถวนั้น เค้าบอกว่า ช่วงเช้าตีห้า
กับช่วงเย็นสักบ่ายสี่โมง จะมีนักปั่นท้องที่ปั่นกันจำนวนมาก
ผมปั่นเล่นไปเรื่อย ดูบรรยากาศ ดูต้นไม้ ดูฟาร์ม ดูภูเขา
พอพระอาทิตย์เริ่มตกดิน ก็ปั่นกลับมาบ้านเพื่อน ..

สำหรับเส้นทางนี้ ยังสามารถไปวัดดอยแท่นพระ ผ่าน
อ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ ได้ด้วย ..

สำหรับรายละเอียดเส้นทาง เพิ่มเติม
http://thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=57&t=183564

เกาะเกร็ด ครั้งแรก ไปจบที่สวนลุม

หลังจากไม่ได้เขียน blog ส่วนตัวมานาน ปีนี้ผมตั้งใจว่า
จะพยายามเขียนสักหน่อย เผื่ออนาคต FB เกิดหายไป
(มันก็เป็นไปได้ Hi5 ยังไม่มีแล้ว) จะได้มีเรื่องราวเหลืออยู่ ..

อาทิตย์นี้ว่างๆ ไม่ได้มี trip ไปเที่ยวไหน หรือมีงานนอกอะไร
ก็เลยคิดว่า จะไปไหนดี มีเวลาครึ่งวัน ตั้งแต่เที่ยงวันไป ..
คิดไปคิดมา ที่เที่ยวใกล้ๆ ที่ไม่เคยไป ก็ยังมีอีกเยอะเหมือนกัน
เกาะเกร็ด เป็นสถานที่ที่เข้ามาในหัว เป็นอันดับแรก เพราะว่า
ผมเองก็ไม่เคยไปเหมือนกัน การเดินทางเท่าที่หาข้อมูลดู ก็ไปไม่ยาก ..

เริ่มต้นเดินทาง จาก MRT ห้วยขวาง ประมาณเที่ยงตรง
จากนั้นต่อ BTS ไปลงอนุสาวรีย์ชัยฯ ออกประดู 4 เดินไปเรื่อยๆ
ลง sky walk ก็จะเจอรถเมล์จอดอยู่มากมาย ให้ขึ้นสาย 166
อนุสาวรีชัยฯ – ปากเกร็ด ตอนขึ้นบอกกระเป๋ารถเมล์ก่อนว่า
ถึงแล้วให้เค้าบอกด้วย เพราะไม่เคยไปเหมือนกัน ..

รถเมล์สายนี้ขึ้นโทลเวย์ยาวๆ น่าจะเพราะเป็นวันอาทิตย์ด้วย
เลยไม่ค่อยติดเท่าไร ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ก็ถึงจุดที่ต้องลง
ก็คือตรง Lotus ปากเกร็ด จากนั้นนั่งวินต่อ หรือจะเดินก็ได้
ไปท่าเรือที่วัดสนามเหนือ ตรงนี้เราจะเห็น land mark ของ
เกาะเกร็ด ที่เป็นเจดีย์เอียงผูกผ้าแดง ได้อย่างชัดเจน ..

ที่โป๊ะเรือข้ามฝาก คนค่อนข้างเยอะมาก จากที่บอกว่านั่งได้ 32 คน
น่าจะมีอัดกันไปต่อเที่ยวเกือบ 200 คนได้ พอข้ามไปถึงฝั่งวัดปรมัยยิกาวาส
จะมีหมวกขาย แนะนำให้ซื้อถ้าไม่ได้เตรียมมา เพราะอากาศร้อน
และจะมีจักรยานให้เช่า ราคาคันละ 40 บาท ปั่นไปไว้ตรงไหนก็ได้
จักรยานส่วนใหญ่เป็นจักรยานแม่บ้านธรรมดา แต่ก็น่าจะช่วยทุ่นแรงได้
ถ้าอยากเดินทางรอบเกาะเกร็ด แต่ไม่เหมาะในช่วงเวลาคนเยอะๆ
เพราะว่าทางรอบเกาะ ค่อนข้างแคบ เวลาช่วงคนเยอะๆ จะลำบาก ..

ถ้าเดินวนทางขวามือ จะมีร้านรวง ขายของให้เลือกซื้อ เยอะมาก
ทั้งของกินอร่อยๆ ขนม ของฝาก ของที่ระลึก และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ผมไม่เคยมา ผมเลยเดินวนทางซ้าย ก็สงสัยเหมือนกันว่า คนเยอะแยะ
เค้าไปไหนกันหมด ไม่ค่อยเจอคนมาทางซ้ายเลย เดินไปจนไกลมาก ..

ถามคนในพื้นที่เค้าบอกเดินได้ แต่ประมาณ 6km แดดกำลังร้อนเลย
ผมเลยย้อนกลับมาทางเดิม เพราะแขนยังไม่ทันหายไหม้ จาก trip ปั่น
ที่เชียงใหม่ ช่วงก่อนปีใหม่ ไม่อยากให้ไหม้ ไปยิ่งกว่านี้ ก็เลยเดินย้อนกลับ
มาทาง วนขวา ไปทางยอดนิยม เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย ของขายที่นี่
หน้าตาน่าอร่อยดี ราคาก็ไม่แพง แต่ผมไม่ได้ซื้ออะไร เพราะคนค่อนข้างเยอะ
ได้ข้าวเหนียวไก่ย่าง กับน้ำเปล่า มานั่งกินร้าน บ้านเลขที่ 1 หมู่ 1 ก็พอละ ..

การหลงทาง เป็นสิ่งที่มีเสน่ห์มากที่สุดของการเดินทาง เพราะทำให้เรา
ได้ไปเจออะไรใหม่ๆ เสมอ ที่ไม่มีใน review ที่เค้าเขียนๆ กันใน pantip
เดินเดินหลงทางไปเจอพี่ศิลปินคนนึง ที่เป็นช่างปั้นดินเผาอยู่ ได้คุยกัน
ก็ได้ความรู้เรื่องของเครื่องปั้นดินเผา ของเกาะเกร็ด เยอะพอสมควร ..

เดินเล่น ไหว้พระ ถ่ายรูปสักพัก จะประมาณ บ่ายสี่โมงเย็น ผมก็ข้ามฝั่ง
ที่ท่าเรือข้ามฝาก เพื่อกลับมาขึ้นรถเมล์กลับ เดินไปถนนฝั่งตรงข้าม
แต่เจอรถเมล์สาย 166 เขียนว่าเข้าเมืองทอง ผมเลยไม่กล้าขึ้น
เจอสาย 505 เขียนว่า ไปสวนลุม ก็เลยขึ้นไป เพราะคิดว่าอย่างน้อย
ก็ขึ้น MRT สวนลุม กลับที่พักได้สะดวก สาย 505 เป็นสายที่วิ่งผ่าน
สถานที่ต่างๆ เยอะมาก เรียกว่านั่งชิล ชมกรุงเทพกันคุ้มเลย ..

ประมาณ 6 โมงเย็น ผมก็มาถึงสวนลุม เข้าไปเดินเล่น ดูบรรยากาศ
คนมาเที่ยวพักผ่อน มาวิ่งออกกำลังกาย กันเยอะมาก มีทั้งคนไทย ฝรั่ง
ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ เห็นมีเลน สำหรับปั่นจักรยานด้วย แต่จักรยานคงปั่นไม่ไหว
เพราะว่า คนวิ่งมีจำนวนเยอะมาก จะเกะกะคนวิ่ง ก็เลยเห็นปั่นกันน้อย ..

เดินเล่น ถ่ายรูปสักพัก ผมก็ขึ้น MRT สีลม ด้านข้างของพระบรมรูป ร.6
กลับมาย่านห้วยขวาง เป็นอันจบ trip สั้นๆ ของผม ถึงจะเป็นช่วงเวลา
ไม่นานมากนัก แต่ก็เป็นการเดินทาง ที่ตื่นเต้น และได้อะไรเยอะดี
อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยไปเกาะเกร็ดมาก่อนด้วย ก็ถือเป็นประสบการณ์
ที่ดีอีก trip นึง ใกล้ๆ กรุงเทพของเรานี่เอง ลองไปเที่ยวกันดูครับ ..

* สำหรับรูปถ่ายทั้งหมด เดี๋ยวผมจะมาลงย้อนหลังให้ดูอีกทีนึงครับ

สรุปค่าใช้จ่าย

ค่าเดินทาง
MRT ไปลงหมอชิต 20 บาท
BTS ไปลงอนุสารีย์ 31 บาท
รถเมล์สาย 166 ไปลงปากเกร็ด 18 บาท
วินมอไซค์ไปลงท่าเรือ 10 บาท
เรือข้ามฝากขาไป 2 บาท
เรือข้ามฝากขากลับ 2 บาท
วินมอไซค์ไปลงหน้า Lotus 10 บาท
รถเมล์สาย 505 ไปลงสวนลุม 23 บาท
MRT ไปลงห้วยขวางประมาณ 30 บาท
รวมค่าเดินทาง 146 บาท

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ข้าวเหนียวไก่ย่าง 20 บาท
น้ำ 2 ขวด 16 บาท
รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ 36 บาท

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตลอดทริปเกาะเกร็ด 146+36 = 182 บาท

Happy New Year 2016

Happy New Year 2016

ขอบคุณภาพจาก ไออุ่น #10 ทำดีไม่มีหยุด โดยพี่มานะ ชมไทย 🙂

สวัสดีปีใหม่ 2016 ครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย
และสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายในสากลโลก โปรดดลบันดาลประทานพรให้ทุกท่าน
ประสบแต่ความสุข ความเจริญ ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และงานที่ทำอยู่
ไร้โรคภัย ไข้เจ็บ สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยด้วยคุณธรรม ศิลธรรม และทรัพย์สินเงินทอง

สำหรับในปี 2015 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ผมเองได้ทดลอง เรียนรู้ และคิด project อะไรเยอะมาก
บางอย่างก็ทำสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน บางอย่างก็ยังไม่ได้ทำต่อ คือไม่ได้โฟกัสสักอย่าง
ถ้าโฟกัสให้ดีสักอย่าง น่าจะดีกว่าที่ผ่านมา ..

ปี 2015 ที่ผ่านมา
– เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่จำเป็นพอมีแล้ว แต่ไม่ได้ครบถ้วนเพราะไม่มีใครอยู่
– สถานที่รอบๆ บ้าน ถ้าต้นไม้โตกว่านี้ น่าจะพอร่มรื่น พยายามหาไม้โตไวลง จะได้มีร่มเงา
– ระบบหลักๆ ที่ดูอยู่ พี่น้องในทีมช่วยดูได้ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาเวลาไม่อยู่
– เริ่มกระจายงานบางส่วนออกไปได้บ้างแล้ว แต่ยังไม่หมด
– ออกกำลังกายมากขึ้นช่วงปลายปี เพราะได้จักรยานใหม่ แต่โดยรวมยังไม่ได้ออกกำลังกายเพิ่มเลย
– โรงซ่อมจักรยาน – ที่พัก – ห้องน้ำ – ครัว สำหรับเพื่อนๆ ที่จะมาพัก ยังไม่ได้เริ่มสักที
– กินดื่มลดลงพอสมควร ของฟุ่มเฟือย ส่วนใหญ่ซื้อมาเพื่อการทดสอบ เรียนรู้
– สวนที่บ้าน เริ่มมีต้นไม้มาลงเยอะพอสมควรแล้ว ส่วนใหญ่พ่อกับแม่เอามาปลูกให้
– ได้ที่อยู่ใหม่แถวห้วยขวาง เงียบสงบ ติด MRT
– เรื่องงาน รับผิดชอบในส่วนที่ดูอยู่อย่างเต็มที่ มีทีมงานที่ดี แต่ EGO ยังเหมือนเดิม
– งานนอก คือรับงาน events งาน wedding เริ่มทำรายได้มากกว่างานประจำ
– นำของเข้ามาขาย online รายได้ดีพอสมควร
– เล่นพวก Hardware และ IoT เยอะขึ้น แต่ยังไม่ได้ทำ project จริงๆ จังๆ สักอัน
– มี Project ใหญ่ร่วมกับเพื่อนๆ ที่ทำงานอยู่ รอหางานเล็กๆ ทดสอบ สัก 2-3 งานในปีหน้า
– เรื่องแฟน ก็ยังเรื่อยๆ ต่อไป ก็มีคนเข้ามาคุยๆ กันบ้าง ..

สิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ ในปี 2016
– เรื่องเฟอร์ เรื่องสวนบริเวณบ้าน ตอนนี้คงทยอยๆ ซื้อเพิ่ม หามาปลูกเพิ่มเรื่อยๆ ไม่เร่งไรมาก
– พยายามสร้าง อีกส่วนนึงข้างนอก เป็นโรงซ่อมจักรยาน – ที่พัก – ห้องน้ำ – ครัว
– ทำระบบ Smart Farm ใช้เอง จากพวก IoT ต่างๆ
– ปลูกเมล่อน สัก 2 โรง ในพื้นที่ว่างใกล้ๆ บ้าน ความคุมด้วยระบบ Smart Farm
– ระบบหลักๆ ที่ดูอยู่ จะหันมาใช้ OpenStack + Docker แทนระบบเดิม
– ระบบที่ไม่หนักมาก แต่ต้องการความ stable สูง จะย้ายขึ้น cloud ทั้งหมด
– ออกกำลังกายให้มากขึ้น หันมาวิ่ง ปั่นจักรยาน ให้มากขึ้น
– ออกทริปเดินป่า และทริปแบคแพค ให้มากขึ้น
– เดินทาง ท่องเที่ยว เมืองนอกมากขึ้น เก็บเกี่ยวประสบการณ์
– โปรโมททางปั่นจักรยานแถวบ้านให้เป็นที่รู้จักของนักปั่น ที่ชอบเส้นทางธรรมชาติ
– กินดื่มให้น้อยลง ลดของฟุ่มเฟือยให้น้อยลง เก็บเงินและลงทุนให้มากขึ้น
– เรื่องที่อยู่ ถ้ามี location ดีๆ ซื้อได้เอง ก็ควรทำ
– เรื่องงาน พยายามทำให้เต็มที่ ใจเย็นให้มากขึ้น ศึกษาอะไรใหม่ๆ ให้มากขึ้น
– งานนอก ที่รับงาน events และ wedding จะต้องได้เฉลี่ย เดือนละ 10 งานขึ้นไป
– นำเข้าของที่น่าสนใจและ accessories ต่างๆ เข้ามาขาย online ให้มากขึ้น
– ทำ Project หลักให้เกิดให้ได้ในต้นปี 2016 และเป็นปีแห่งการแข่งขันในประเทศให้ได้
– แต่งได้ละปีนี้ .. ว่าแต่แต่งกะใครล่ะ?