Happy New Year 2015

สวัสดีปีใหม่ 2015 ครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน
ปีใหม่นี้ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายในสากลโลก
โปรดดลบันดาล ประทานพร ให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญ
ความสำเร็จ ในหน้าที่การงาน ไม่เจ็บป่วย สุขภาพแข็งแรง
ร่ำรวยด้วยคุณธรรม ศิลธรรม และทรัพย์สินเงินทอง ..

เป็นธรรมเนียมของผมเองทุกปี ที่จะเขียนสรุป เรื่องในปีที่ผ่านมาและ
แผนที่วางไว้ในปีนี้ เพื่อเป็นแนวทาง และเป้าหมายหลักๆ ที่จะต้องทำ
ในปีนี้ ..

ปี 2014 ที่ผ่านมา
– ได้รถ 4WD ไว้ใช้งาน แต่จริงๆ อยากได้ Jeep Cherokee มากกว่า
– ระบบที่ดูอยู่หลักๆ ก็ยังคงต้องดูอยู่ ยัง hand over ไม่ได้จริงๆ สักที
– ทำระบบที่ดูอยู่หลักๆ ให้มี performance เพิ่มมากขึ้น stable มากขึ้น รับ load ได้มากขึ้น
– การกระจายงาน ยังทำได้ไม่ดี เท่าที่ตั้งใจไว้
– ออกกำลังกายเยอะขึ้น เพราะได้ปั่นจักรยานมากขึ้น กลับบ้านบ่อยขึ้น
– เรื่องกินดื่มไม่ได้ลดลง ค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่ได้ลดลง ตามเป้าที่วางไว้
– บ้านที่จันทบุรี เสร็จแล้ว แต่เสร็จปลายปี 2014
– ปรับตัวเข้ากับคอนโดที่อยู่ใหม่ได้ แต่ต้นปีหน้า ที่ทำงานย้ายไปรัชดา เหมือนเดิม
– งานที่มีอยู่ รับผิดชอบได้ดีในมุมมองของตัวเอง แต่บางครั้ง คนอื่นไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่
– มีรายได้เสริม จากงานนอก เข้ามามากขึ้น
– ใครสักคนนี่ยังหาไม่ได้สักที 🙂

สิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ ในปี 2015
– จัดการเรื่องเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น และสถานที่รอบๆ บ้าน ให้เรียบร้อย ภายในต้นปี
– หาคนมาช่วยดูระบบหลักๆ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหา และทำให้งานมี performance มากขึ้น
– กระจายงาน เข้าสู่ส่วนกลาง หรือ hand over งานให้ได้แบบจริงๆ
– ออกกำลังกายให้มากขึ้น ทำโรงซ่อม-เก็บจักรยาน สำหรับเพื่อนนักปั่น ที่บ้าน จันทบุรี
– กินดื่มให้น้อยลง งดซื้อของฟุ่มเฟือย
– ทำสวนรอบๆ บ้าน ให้ร่มรื่นสวยงาม ภายในกลางปี
– หาที่อยู่ใหม่ แถวรัชดา ถ้าซื้อได้เลย น่าจะดีกว่าเช่า
– รับผิดชอบงาน และร่วมงานกับเพื่อนร่วมงาน ให้ดีที่สุด ตัด EGO ทิ้งให้มากที่สุด
– รับงาน events งาน wedding แบบเต็มตัว ให้เป็นรายได้หลัก ของปีนี้ให้ได้
– ใครสักคน ถ้าจะมีก็คงมาเอง ..

ทุกโอกาส สร้างอะไรดีๆ สร้างประสบการณ์ดีๆ ให้เราเสมอ

เมื่อวาน 2nd Aug 2014 ผมตื่นแต่ 6.00AM กะว่าจะกลับบ้าน ไปดูความเรียบร้อย
ของบ้านที่สร้างที่จันทบุรี แต่ไป start รถไม่ติด เพราะไม่ได้ใช้มานาน แบตเสื่อม
เหตุการณ์นำพาให้ผมคิดว่า ลางไม่ดีละ งั้นก็ค่อยกลับอาทิตย์หน้า วันแม่ดีกว่า หยุดหลายวัน
ผมก็เลยคิดว่า งั้น เดี๋ยวคืนนี้ ไปส่งท่านชินดีกว่า ก็คิดอยู่นาน ว่าจะซื้อของขวัญอะไรให้ดี
เพื่อนจากไปไกล ไปนาน ไปถึง New York City จริงๆ จะทำของให้ แต่ว่าที่ผ่านมา งาน
ค่อนข้างเยอะ ไม่มีเวลา D.I.Y. พอ ปกติผมจะเป็นคนชอบให้หนังสือ กับคนที่สำคัญ
ผมเอง ถึงจะเข้าร้านหนังสือบ่อย แต่ก็ไม่ได้ติดตามวงการหนังสือ มานานมากแล้ว ก็คิดว่า
จะซื้อเล่มไหนดี เจอเล่มนึง “New York 1st Time” ลองอ่านดูสองตอน สนุกดี ก็เลยจัดไป ..

ผมรู้จัก กับท่านชิน ตั้งแต่สมัยผมเข้ามหาลัย ปี 1 ที่วิศวะ ลาดกระบัง เพราะเป็นคนทำเว็บด้วยกัน
เดิมท่านชินใช้ front page ของ M$ ชึ่งมัน coding แปลกๆ ผมก็เลยแนะนำว่า มาใช้ Dream ดิ
ซึ่งตอนนั้น คนที่ใช้ Dream มีน้อยมากจริงๆ ต้องพวกระดับ ต้นๆ ของวงการเว็บจริงๆ ถึงใช้
จากนั้นก็คุยกัน ทำงานด้วยกันมาเรื่อยๆ (2003) Gulife.com ถือเป็นเว็บ Diary ที่ใหญ่สุด
เจ๋งสุดในไทย ตอนนั้นผมก็ อยู่ในทีมงาน ที่ช่วยๆ เรื่อง Program และ Server ให้กับท่านชิน
ตอนนี้ Programmer (ตอง) ทำงานอยู่ Apple ไปละ ไปได้ดีกันทุกคน เหลือแต่ผมนี่แหละ 5555 ..

จากนั้นมา ก็สนิทกัน ท่านชิน เป็นที่ปรึกษาและเป็นเพื่อนสนิท ที่ดีมากๆ สำหรับผม (น้ำตาไหล 555)
การเดินทางของท่านชิน ในวันนี้ ทำให้ผมกลับมามองทบทวนตัวเอง ว่าที่ผ่านมา เราทำอะไร
แล้วชีวิตจริงๆ เราต้องการอะไร จากผมไม่เคยหาหนังสืออ่าน มาหลายปี ทำให้ผมเข้าร้านหนังสือ
ทำให้ผมได้คิดอะไร นอกจากนั้น ทำให้ผมอยากแก้ไขเรื่องแย่ๆ ของผม ทำให้ผมอยากทำอะไรใหม่ๆ
ไม่น่าเชื่อเลยว่า แค่ผมมีโอกาส ไปส่งท่านชิน ไป NY ที่สนามบิน ผมจะได้อะไรกลับมาเยอะขนาดนี้ ..

โชคดีเพื่อน ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา แล้วเราจะได้พบกันอีก 🙂

มีอะไรหลายๆ อย่างๆ อยากเขียน เรื่องงาน เรื่องบ้าน

ช่วงนี้ ผมมีอะไรๆ หลายๆ อย่างอยากเขียน เพราะรู้สึกว่า มันอยากระบาย ออกมาในรูปแบบ diary
เหมือนตอนมัธยม ที่จะเขียน diary ลงสมุด diary ทุกๆ วัน ตอนนี้ เก็บไว้อ่าน ก็ได้อะไรเยอะดี ..

งานของผม หลักๆ ก็จะเป็นงานดูระบบ หรือที่เรียกว่า System Admin, System Engineer
ที่ดูระบบหลักๆ ที่เป็น Linux ซึ่งจริงๆ แล้ว งานทางด้านนี้ ไม่จำเป็นต้องเก่งมาก ค่อยๆ เรียนรู้ได้
แต่หยุดนิ่งไม่ได้ ต้องพัฒนาความรู้ หา technology ใหม่ๆ มาช่วยทำให้ระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และหากจะให้ดี ต้องเคยเขียนโปรแกรมมาก่อน รู้เรื่อง SQL เป็นอย่างดี เคยทำเว็บมาก่อนจะดีมาก
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือการมีความรับผิดชอบ ในระบบที่ดู ตลอดเวลา 24×7 ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม
โดยปกติแล้ว ปัญหาต่างๆ มันจะไม่ค่อยเกิด ในเวลาทำงาน แต่เราต้องพร้อมแก้ปัญหา ในทุกเวลา
งานมันไม่เหมือนงานอื่น ที่ทำงานเป็นเวลาได้ เข้าเช้า เย็นกลับ แต่งานดูระบบ ต้องพร้อมรับมือตลอดเวลา ..

ตอนนี้ ผมก็รับสมัครอยู่ครับ ใครสนใจก็สมัครกันมาได้ แต่ขอให้เป็นคนที่มีความรับผิดชอบในหน้าที่
รักในระบบที่ดู ตรงต่อเวลา พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ ของผู้ที่มีประสบการณ์มาก่อน แค่นี้พอ เรื่องอื่น
มาพัฒนาทักษะ ความรู้กันได้ รับรองว่าระบบที่ดู เป็นระบบที่โหดสุด หนักสุด ในประเทศไทย ไม่มีที่ไหน
ให้ทำ ให้ท้าทายแบบนี้แน่ๆ สนใจอ่านรายละเอียด แล้วส่ง resume มาสมัครกันได้ครับ 🙂
http://ton.packetlove.com/blog/life-style/system-engineer-jobs.html

ตอนนี้ ผมกำลังสร้างบ้านที่จันทบุรี บ้านเล็กๆ ชั้นเดียว 84 ตารางเมตร แต่ว่ายังหาผู้รับเหมา ที่คิดราคา
ที่เหมาะสมไม่ได้ เพราะว่าตามจริงแล้ว น่าจะ ตารางเมตรละ ประมาณ 10000 บาท แต่เจอเข้าไป
2.1 ล้านบาท ผมว่ามันแพงเกินไป ก็เลยยังไม่ตัดสินใจ ยังหาผู้รับเหมาคนอื่นต่อไป ใครรู้จัก ก็แนะนำ
มาได้ครับ ขอที่สักประมาณไม่เกิน 1.5 ล้าน แล้วไม่ทิ้งงาน ทำงานดี ผมก็พอใจแล้วครับ ..

ช่วงนี้ก็วุ่นๆ ทั้งงานประจำ และงานสร้างบ้านที่จันทบุรี เวลาวุ่นๆ ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่มีเวลาว่างๆ
อันนี้ เป็นแบบบ้านที่ผมจะสร้างครับ เป็นแบบบ้านประหยัดพลังงาน ซึ่งมีคนสร้างจริงกันเยอะแล้ว ..

 

ส่วนอันนี้ เป็นที่ ที่ถมไว้เรียบร้อย พร้อมสร้างบ้านครับ ..


 

 

 

 

Happy New Year 2014

แสงสุดท้ายของปี 2013 ที่บริเวณที่จะสร้างบ้าน ที่จันทบุรี

สวัสดีปีใหม่ 2014 ครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จ
ในหน้าที่การงาน สมดังใจหมายกันทุกท่านครับ ..

เป็นธรรมดาทุกปีที่ผมจะเขียนเรื่องราวสรุปต่างๆ ในปีที่ผ่านมา และสิ่งที่จะทำในปีใหม่นี้ เพื่อใช้เป็น
จุดนำทางหลักๆ ของแผนชีวิต จะได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน คอยเอาไว้เตือนใจ ให้ไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ..

ปี 2013 ที่ผ่านมา
– เดินทางทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเดินป่า เที่ยวธรรมชาติ มากขึ้น
– ขยาย Infrastructure ของระบบที่ดูอยู่ ไปยัง True IDC เมืองทอง
– รับผิดชอบงานสำคัญ หลายๆ Project เพิ่มขึ้น
– ยังไม่สามารถแยกและวางระบบใหม่ได้ทั้งหมด
– ขาดการออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพ
– กินดื่ม ใช้จ่าย มากเกินไป
– บ้านยังไม่ได้แบบที่สมบูรณ์
– ย้ายที่ทำงานมาอยู่ตึกใหม่แถวพัฒนาการ แทนรัชดา
– รายจ่ายเพิ่มขึ้น

สิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ ในปี 2014
– จัดรถ 4WD สักคันไว้เดินทางท่องเที่ยว ถ่ายรูป ลงเว็บจริงๆ จังๆ
– ทำระบบ Infrastructure ของระบบที่ดูอยู่ใหม่ โดยเฉพาะ storage
– กระจายงานที่ทำอยู่ ให้คนอื่นทำบ้าง เพราะทำคนเดียว เยอะไป
– ออกกำลังกาย วิ่ง ปั่นจักรยาน บ่อยๆ กลับบ้านที่จันทบุรี บ่อยๆ
– กินดื่มเฉพาะ โอกาสสำคัญจริงๆ งดใช้จ่ายในเรื่องไม่จำเป็น
– ทำบ้านที่จันทบุรี ให้เสร็จ ภายในต้นปี 2014
– ปรับตัวให้เข้ากับที่อยู่ใหม่ ให้ได้ ถ้าไม่ได้คงต้องกลับไปอยู่ที่เก่า
– รับผิดชอบงาน ที่ทำอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
– รับงานนอก และทำธุรกิจส่วนตัวเป็นรายได้ เสริมจากรายได้ประจำ
– หาใครสักคน ไว้อยู่ดูแลกัน เป็นกำลังใจให้กัน 🙂

ประมาณนี้ครับ แต่ต้องทำให้ได้ให้ครบทุกข้อ ..

หมดไฟ หรือ หมดใจ

เขียนโปรแกรม จัดการรูป สนุกไปอีกแบบ 🙂

ผมไม่ได้เขียน Blog นานแล้วเหมือนกันครับ ด้วยความวุ่นๆ ต่างๆ
วันนี้ อยากเขียนบันทึกไว้ ว่า ช่วงนึง เรามีความรู้สึกนึกคิดยังไงบ้าง
อนาคตมาอ่าน จะได้ปรับปรุงแก้ไข ความรู้สึกคนนี้ ให้ดีขึ้นได้ ..

คำว่า หมดไฟ กับ หมดใจ น่าจะเกือบใกล้เคียงกัน แต่จริงๆ แล้ว
สำหรับผม หมดไฟ ยังไม่หมดแน่ๆ แต่หมดใจ นี่เริ่มมีแล้วเหมือนกันครับ
พอหมดใจ มันก็ทำให้หมดไฟ ในเรื่องที่เราอยากทำให้ดี ตามมา
การที่เราทำอะไร เต็มที่ มากกว่าปกติ แต่กลับไม่มีคนเห็น มันต่างกับ
ปิดทองหลังพระ ปิดทองหลังพระ มันก็เรื่องของเรา ที่อยากปิดตรงไหน
เราก็ปิดได้ ตรงไหนที่ยังไม่มีทอง เราก็ไปปิด มันก็เป็นการกระจายทอง
แต่การที่ทำงานเต็มที่เกิน 100 แล้วไม่มีคนเห็น กลับเป็นแพะรับบาปทุกเรื่อง
ผมว่า มันก็ทำให้คนที่มีใจ ต้องหมดใจได้ง่ายๆ เหมือนกัน ..

สำหรับไฟ ผมมีแน่นอน แล้ววันนึง คงได้เห็นกันครับ ..

backpack เซินเจิ้น-กวางโจว 2013

สวัสดีครับทุกท่าน ผมไม่ได้มา update blog นานเหมือนกัน เพราะว่า
บางทีไม่รู้จะเขียนอะไรดี ไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจ เหมือนตอนสมัยจีบหญิง ..

เมื่อวันที่ 23 April-2 May 2013 ผมได้มีโอกาส backpack ไปเที่ยวจีนมา
จุดประสงค์หลัก ก็คือจะไปงาน Canton Fair ซึ่งเป็นงาน Import-Export
ที่ใหญ่มากของจีน ในช่วงที่ผมไป จะเป็นช่วง Gift, Toys, การเกษตร, ตกแต่งบ้าน
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมและเพื่อนอีกคนที่ไปด้วยกัน (เสี่ยปุน) สนใจอยู่พอดี ..

ผมเดินทางก่อน คือช่วงประมาณ 6.30 PM ของวันอังคารที่ 23 April
ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ไปลงเซินเจิ้น ที่ต้องไปลงเซินเจิ้น เพราะว่า
เที่ยวบินที่จะไปลงกวางโจว แทบจะไม่มีให้จองละ และแพงมาก เพราะงาน
Canton Fair จัดที่กวางโจว คนเลยเดินทางไปกันเยอะ ที่พักต่างๆ แพงมาก
ไม่เหมือนช่วงปกติ ไปถึงเซินเจิ้น ก็ดึกมากแล้ว ที่จีนเวลาจะช้ากว่าไทย 1 ชั่วโมง
GMT +8 ผมจองที่พักไว้ที่ Shenzhen Airport Hotel ซึ่งราคาไม่แพงมาก
ประมาณพันนิดๆ มีอาหารเช้าให้ ซึ่งโรงแรมนี้ ผมเคยมาพักครั้งนึงแล้ว
เมื่อปีที่แล้ว ห้องสะอาด และนอนสบายดี แถมใกล้สนามบินมาก เดินแป๊บเดียวถึง ..

เช้ามาก็ตื่นมากินอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ ซึ่งก็มีข้าวต้ม ข้าวผัด หมี่ผัด
ไข่ต้ม และพวกมันเทศต้ม ผมเองก็ไม่ค่อยคุ้นกับอาหารรสชาตจืดๆ เค็มๆ มันๆ
ของจีนเท่าไร กินข้าวต้ม+ไข่ต้ม ไปสักหน่อย ให้มีแรงเดินทางต่อ ก็เป็นอันใช้ได้ ..
ที่เซินเจิ้น และ กวางโจว การเดินทาง ด้วย MRT สะดวกมาก เพราะทั่วถึง
และครอบคลุม ค่าโดยสารก็ถูกมาก 2-4 หยวน เท่านั้น 1 หยวน = 4.75 บาท
ผมออกเดินทางจากโรงแรม เพื่อไปดูของที่ต้องการจะนำเข้า แต่ดูแล้ว เรื่องราคา
ยังไม่ถูกใจเท่าไรนัก ก็เลยยังไม่ได้ตกลงอะไร จากนั้นก็มาที่สถานีรถไฟฟ้า
ความเร็วสูง ที่หลอหวู่ ตรงนี้จะเป็น gateway ที่สำคัญ เพราะจะสามารถ ข้าม
ไปฮ่องกง (HK) ได้ และไปเป็นสถานีท่าที่สำคัญ ในการเดินทางไปเมืองอื่นๆ
ผมนั่งรถไปกวางโจว ค่าโดยสาร 79 หยวน ระยะทาง 200 กม. วิ่งชั่วโมงกว่าๆ
เร็วมาก รถนั่งสบาย สะอาด มีพนักงานขายอาหาร ไว้คอยบริการ แบบเครื่องบิน
ผมมาถึงกวางโจว ก็นั่ง MRT ต่อ มายังสถานี YangJi ที่เพื่อนผมจอง Hostel ไว้
ชื่อ YHA China ซึ่งเป็นห้องรวม สะอาดดี ราคาถูกมาก และคนที่มาพัก ส่วนใหญ่
เป็นวัยรุ่น ที่ค่อนข้างมีรสนิยมที่ดี ได้แลกเปลี่ยนพูดคุย ทำความรู้จักกัน ..
ชั้นบน จะเป็นดาดฟ้า ให้นั่งชิลได้ นั่งทำงาน นั่งดื่มกาแฟ อ่านหนังสือ ดื่มเบียร์
บรรยากาศดี มีสาวจีนหมวยๆ ให้ดู ..

ย่านที่ผมพัก ถือว่าเป็นย่านชานเมือง จะหาร้านอาหารอะไรกินก็ไม่ค่อยมีมากนัก
ระหว่างที่รอเพื่อน ผมไปนั่งร้านอาหารตามสั่ง คล้ายๆ ร้านข้าวต้มรอบดึกบ้านเรา
ทำให้ได้เพื่อนชาวจีนเพิ่มอีกหลายคน บางคนก็พูดอังกฤษ ไม่ได้แต่เค้าใช้โปรแกรม
บนมือถือแปลจากจีนเป็นอังกฤษ คุยกับเราได้ ก็สนุกดีเหมือนกัน ช่วงนี้คนจีน
เค้าจะรู้จักคนไทยดี และมาเที่ยวเมืองไทยกันเยอะ เพราะหนัง Lost in Thailand
ที่ดังและทำรายได้สูงสุดในบ้านเค้า ..

ผมรอเพื่อนนั่ง TAXI จากสนามบิน มาที่พัก เราติดต่อกันไม่ได้ ผมเปิด roaming ไว้
รับ SMS ได้ แต่รับโทรศัพท์ปกติ ไม่ได้น่าจะเป็นเพราะยอดเงินใกล้หมด ผมก็งงว่า
ทำไมเพื่อนผมไม่ส่ง SMS หรือโทรมาสักที ผมเดินกลับที่พัก พบว่ามาถึงแล้ว ดึกแล้ว
ก็เข้านอนกัน จบวันแรกที่กวางโจว ..

Life in Singapore 2013

 

Life in Singapore

ช่วงวันที่ 5-7 Mar 2013 ผมได้มีโอกาสเดินทางไปสิงคโปร์ จุดหมายคือ
ไปงานแข่ง Hack ที่ชื่อว่า AirRAID #4 ที่จัดที่ Singapore Polytechnic
แต่ส่วนนึงก็คือเน้นไปเที่ยว ไปชิวด้วย เป็นครั้งแรกของผม ที่เดินทาง SG
ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้ๆ เดินทางแค่ 2 ชม. นิดๆ แต่ผมไม่ได้สนใจจะไปเท่าไร ..

ผมเริ่มเดินทาง ช่วงเช้าของวันที่ 5 มีนาคม อัตราการแลกเปลี่ยนเงิน ตอนนี้
อยู่ที่ ประมาณ 24 THB ~ 1 $SG ผมกะว่า ไม่ได้ใช้เงินอะไรมากมาย ถ้าใช้
ก็คงเป็นบัตร credit แทน ก็เลยแลกไปแค่พอไว้กินข้าว ประมาณ 200 $SG
ไปถึง สนามบิน Changi Airport ก็นัดเจอกับลูกพี่ลิง ที่เดินทางมาจากมาเลย์
ผมไปกับท่านที เพื่อนรุ่นน้องที่ทำงานดูระบบโรงพยาบาล อยู่ที่อุบลฯ จากนั้นเรา
ก็ไปเริ่มกันที่ MRT Changi สายสีเขียว โดยซื้อบัตร MRT แบบ Traveller 3 วัน
ราคา 26 $SG เป็นค่ามัดจำ 10 $SG เอาบัตรมาคืน ก็จะได้คืน ผมว่าคุ้มมากๆ
สำหรับคนที่คิดจะเดินทางเที่ยวในสิงคโปร์ เพราะ MRT เค้ามีหลายสาย ทั่วถึง
ครอบคลุมทุกพื้นที่ แล้วไม่ต้องรอนาน รถมาเร็วมาก แนะนำสำหรับเพื่อนๆ ที่ใช้ iPhone
ให้ไป Load App Singapore MRT Route Free มาใช้งานครับ จะสะดวกมาก
เราจะไปไหน เราก็ดูแผนที่ MRT สถานีใกล้เคียงได้จาก Map ใน App นี้
และยังสามารถคำนวณระยะเวลา เดินทางคร่าวๆ ให้เราได้ด้วยครับ ..

ที่พักที่ผมจองไว้ อยู่ย่าน Gallang Lor 10 Fragrance Hotel – Sapphire (Singapore)
ราคาคืนละไม่แพงประมาณ 1500 บาท ห้องสะอาดดี อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ
มีให้ครบถ้วน ขนาดห้องกำลังดี ไม่ใหญ่โตอะไรมาก เพราะห้องที่สิงคโปร์ ส่วนใหญ่
ก็จะไม่ใหญ่นัก ที่พักที่นี่ ส่วนใหญ่ราคาแพง ผมเน้นไว้นอนเฉยๆ ก็เลยไม่ได้คิดไรมาก
ทำเลที่พักย่าน Lor 10 ถือว่าสะดวกในเรื่องอาหารการกิน ร้านอาหารเยอะมาก
ส่วนใหญ่ จะพูดไทยได้ด้วย แสดงว่าย่านนี้ คนไทยมากันเยอะ ..

สถานี MRT ที่ใกล้สุด ก็จะเป็น Aljunied สำหรับผู้ชายแบบพวกผม ก็เดินกันสบายๆ
จากที่พักประมาณ 5 นาที ก็ถึง เส้นนี้ เป็นเส้นสีเขียว ที่ค่อนข้างสะดวกมาก
ในการเดินทางไปสถานที่สำคัญต่างๆ ของสิงคโปร์ ..

วันแรก เราไปถึงที่พัก ก็ประมาณ 3 PM ของที่นู่นแล้ว ที่สิงคโปร์ จะเร็วกว่า
บ้านเรา 1 ชม. GMT +8 ถึงที่พักเสร็จ เราก็ออกเดินทาง มาดูสถานที่แข่งขันกัน
เจอ Game Master กำลังจะกลับพอดี ก็เลยได้พูดคุยกัน นิดหน่อย พรุ่งนี้
จะได้เตรียมตัวมากันถูก จากนั้นก็กลับมาที่พัก หาข้าวกินกัน จากนั้นติวกัน จนตีสอง
แล้วก็แยกย้ายกันเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ ต้องเดินทางเช้า ต้องไปถึงก่อน 8.45 AM

เช้าของวันที่ 6 Mar 2013 เราเดินทางไปแข่งขัน AirRAID #4 กัน เท่าที่ดู
มีทีมที่มาจากประเทศต่างๆ ประมาณ 20 ทีมได้ บางทีม มีหญิงน่ารักๆ มาด้วย
ท่าทางไม่น่าเป็น Hacker เลย แต่แสบจริง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ ..
การแข่งขันก็คือ เค้าจะให้แต้มมาก่อน ตามเวลาการเริ่มเล่นเกมส์ ถ้าเราเริ่มช้า
คือ 9.45 PM = 1000, 9.30 PM = 750, 9.15 PM = 500, 9.00 PM = 0
ทีมผมเน้นชิวๆ ขอเริ่มที่ 9.30 PM ได้แต้มมาก่อน 750 แต่มีบางทีม เริ่มที่ 9.45 PM
ได้มา 1000 แต้มชิวๆ ซึ่ง จะเริ่มก่อนเริ่มหลัง แทบไม่มีผลอะไรเลย เพราะว่า
เว็บที่จะ hack เป็น HTML ล้วนๆ server เปิด HTTP, HTTPS และ FTP ไว้
ถ้าได้ root permission ก็จะได้ 5000 แต้ม ซึ่งน่าจะชนะได้เลย ..
ในเกมส์นี้ จะมี KAMIKAZE เป็นคะแนน 3333 แต้ม ถ้าสามารถ show phonebook
จาก iPhone ที่ติด Passcode ได้ ซึ่งก็ไม่มีทีมไหนทำได้เลย จังหวะนี้แหละ ที่
ทีมผม อ่านไม่ clear วาง card สำหรับ access ด่านนี้ไว้ แล้วทีมหญิงน่ารักๆ
มาขโมยไป ทีมเค้าได้แต้มเพิ่ม ทีมผม โดนลบแต้ม แต่ก็ฮาๆ ขำๆ กันดี +_____+

ช่วงบ่าย ก่อนเวลาหมด 3 ชั่วโมง เราทนกะแต้มตามไม่ไหว ก็เลยยอม ลบ 1500
เพื่อที่จะเข้าไป hack ใน level ถัดไป ซึ่งก็เหมือนจะเข้าทาง เพราะว่า
เป็นระบบเว็บ PHP ที่ติดต่อกับ MySQL ที่ Injection ได้ แต่ว่า ต้องได้ root
เหมือนกัน ถ้าได้ข้อนี้ น่าจะพลิกเป็นชนะได้เลย แต่ว่าทำไม่ทัน ..
สุดท้ายทีม Error404 เราก็มีคะแนนติดลบ กลับประเทศไทยมากัน แต่ก็คิดว่า
เป็นอะไรที่คุ้มมาก ที่เราได้ลองอะไรเยอะแยะ กว่าทีมอื่น โอกาสหน้า จะได้
รอบคอบ รัดกุม และทำการบ้านมาดีกว่านี้ 🙂

แข่งเสร็จ เราไปเที่ยวย่าน Marina Bay กัน ไอ้ที่มีสิงโต พ่นน้ำ และตึกที่
คล้ายๆ เรือ อยู่บนตึก ย่านนี้ เป็นย่านที่เจริญและสวยงามมาก เค้าวางโครงสร้าง
ไว้ได้สวยงามลงตัวมากทีเดียว ตึกสูงต่างๆ มองแล้ว สวยงามเป็นศิลปะ ..
หลังจากถ่ายรูปเล่นกันเสร็จ ก็มานั่งที่ Starbucks Marina Bay เพื่อรอชม
การแสดงแสงสี เสียง ของที่นี่ ซึ่งจะเริ่มประมาณ 07.55 PM – 08.15 PM
Starbucks เค้า ราคาพอๆ กับบ้านเรา แต่รสชาตจะจืดกว่า เหมือนกัน สำหรับ
Ice Late แต่อาหารกินเล่นต่างๆ อร่อยใช้ได้เลย ซึ่งถ้าเพียบกับราคาอาหาร
ปกติ ของที่นี่ Starbucks ที่นี่ถือว่าถูกมากๆ เพราะข้าวจานนึง อย่างต่ำ ก็ตก
100-150 บาทแล้ว น้ำอีกขวดละประมาณ 30 บาท ค่าครองชีพ สูงมากทีเดียว ..

วันต่อมา 7 Mar 2013 เราก็เดินทางเที่ยวสิงคโปร์กันแบบจริงๆ จังๆ เพราะมี
เวลาทั้งวัน ก่อนขึ้นเครื่องตอน 10.45 PM ไปเที่ยว หลายๆ ย่านดังๆ ที่นักท่องเที่ยว
ชอบไปกัน ไม่ว่าจะเป็น Orchard, China Town, Little India, Mustafa
แต่ไม่ได้ไป Universal เพราะว่า ค่าเข้าแพง ..

ส่วนตัวผมคิดว่า สิงคโปร์เป็นเมืองที่หลากหลายดี ผู้คนต่างเชื้อชาติ ศาสนา
แต่อยู่กันได้อย่างลงตัว บ้านเมืองสะอาด เดินทางสะดวกมากๆ ด้วย MRT
แต่ของต่างๆ แพงกว่าไทยมาก โดยเฉพาะ อาหารการกิน และที่พัก
คนที่นี่เค้าจะเร่งรีบมาก เพราะการแข่งขันคงสูง ไม่ชิวๆ เหมือนเมืองไทยเรา
ค่าครองชีพสูง รายได้ก็คงสูง กว่าบ้านเรา ประมาณ 4-5 เท่าขึ้นไป ไม่งั้น
คงอยู่ได้ลำบาก ผมอยู่กรุงเทพฯ เมืองที่ค่าครองชีพสูงสุดในประเทศไทย ไปนู่น
จะกินอะไร ราคาเท่าไร ยังต้องคิดเหมือนกัน ส่วนนึง ภาษีเค้าคงโหดด้วย
สรุปว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เมืองไหน ผมว่าอาหารไทย และเมืองไทย ดีที่สุด 🙂

ปล. สำหรับรูป เดี๋ยวเอามาลงให้ชมกันอีกทีครับ

Happy New Year 2013

สวัสดีปีใหม่ 2013 ครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน ที่แวะเวียนเข้ามาอ่าน Blog ผม
มีความสุข สุขภาพแข็งแรง เงินทองไหลมาเทมา กันทุกท่านนะครับ ..

เป็นทำเนียมทุกปีที่ผมจะมาเขียนสรุปเรื่องราวต่างๆ ของผม ในแต่ละปี ในช่วงปีใหม่
แต่ปีนี้ ช้าไปหน่อยครับ เพราะค่อนข้างวุ่นๆ มาก ช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
ปีที่ผ่านมา ผมได้่ผ่านพบประสบการณ์ต่างๆ มากมายเหมือนกันครับ แต่ไม่ได้
เขียนเล่าใน Blog เท่าไร ส่วนใหญ่จะ update status ต่างๆ ใน Facebook แทน
เพราะว่า สะดวกดี ..

ที่ผ่านมาในปี 2012
– ระบบต่างๆ ใหญ่ขึ้นมาก นิ่งขึ้น ยกเว้น ช่วงปลายปี งานเข้าหนัก +__+
– ยังหาคนมาช่วยงานสำคัญๆ ไม่ได้ ต้องทำเองเกือบหมด ก็หนักเอาเรื่อง
– รายได้จากงานนอก มากพอสมควร
– รายได้จากการลงทุนต่างๆ อยู่ในระดับดี
– เดินทาง ท่องเที่ยว ถ่ายรูป มากขึ้น ช่วงปลายปี
– เที่ยวกลางคืน น้อยลง เพราะเริ่มหมดวัย
– เริ่มออกแบบบ้าน ที่จะไปทำที่จันทบุรี ป้าให้ที่ แบ่งโฉนดให้
– ยังโสดเหมือนเดิม เพื่อนๆ แต่งงานกันเกือบหมดแล้ว อันนี้ หนักสุด

สิ่งที่ต้องทำในปี 2013
– วางแผนเรื่อง Infrastructure และเน้นเรื่อง Security ให้มากขึ้น
– หาคนที่ skills พอๆ กันมาช่วยงานประจำอีกซักคน จะได้ช่วยกันดูแล
– ลดรายจ่ายต่างๆ ให้ลดลง
– ออกกำลังกาย ให้มากขึ้น เดินทาง ท่องเที่ยว ให้มากขึ้น
– รักษาสุขภาพให้มากขึ้น กินดื่มให้น้อยลง
– ใจเย็น ปล่อยวาง ทุกสิ่งต้องเป็นไปตามที่มันจะต้องเป็น
– สร้างบ้านที่จันทบุรี ให้เสร็จก่อนเดือนเมษา
– ทำ Project ซื้อ Jeep Cherokee ให้เสร็จก่อนครึ่งปีแรก
– ทำธุรกิจ ที่ต่อยอดได้ยาวๆ มีรายได้ พอใช้จ่ายประจำวัน
– เรียนต่อโท สักใบ สองใบ เผื่อกลับไปอยู่บ้าน จะได้เป็นอาจารย์สอน มหาลัยแถวบ้านได้
– ดูแลพ่อแม่ และที่บ้านให้มากขึ้น กลับบ้านบ่อยขึ้น
– หาแฟน แต่งงาน อันนี้ เป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกปี แต่ทำไม่ได้สักที 🙂

Plan ของผม ก็มีแค่นี้แหละครับ ไม่เยอะมาก แต่ก็ทำยากมากเหมือนกัน ..

ไออุ่น #7

ขอบคุณภาพจากน้องภูมิ รุ่นน้องที่วิศวะ ลาดกระบัง (รุ่น 44)

ภาพจากพี่พิชชี่ http://www.facebook.com/media/set/?set=a.10152346877430637.942795.886840636&type=1

 

ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไปค่ายไออุ่น #7 ที่บ้านฉุ้ยมอ อ.อมก๋อย จ. เชียงใหม่
กับเพื่อนๆ อาสาสมัครรวม 64 ท่านด้วยกัน เราเดินทางกันสองทุ่มของวันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม 2012
มาถึงที่ว่าการอำเภออมก๋อย ก็ช่วงสายๆ ของวันที่ 8 กินข้าวจัดของขึ้นรถ 4WD ที่มารับเรา
แล้วก็เดินทางต่อด้วย 4WD เข้าไปในหมู่บ้าน ประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ถึงบ้านฉุ้ยมอ เส้นทางที่ผ่าน
มีทั้งขึ้นเขาลงเขา หลุมบ่อ ฝุ่นสารพัด แต่เราทุกคนก็ไม่ย่อท้อต่อความลำบาก ..

มาถึงจุดหมาย บ้านฉุ้ยมอ เราก็เริ่มทำกิจกรรมที่เตรียมมากัน แบ่งเป็นหลายส่วน สำหรับผมเอง
ไม่ค่อยทำอะไรเป็นนัก นอกจากใช้แรงงาน ก็เลยอยู่ Dream Team. ทีมก่อสร้าง ก็คือช่วยกันทาสี
โรงเรียน ห้องสมุด และปูพื้นโรงเรียนใหม่ ให้ดูสวยงาม น่ามาเรียน น่าเข้ามาใช้งาน
บนดอย ถึงแม้อากาศจะเย็น แต่แดดก็ร้อนเหมือนกัน ผมไม่ได้ป้องกันอะไรมากมาย กลับมา หน้าลอก
เพราะเจอแดดร้อนๆ เข้าไปเต็มๆ แต่ช่างมัน สักสองสามอาทิตย์ ก็คงหายเป็นปกติ ..

ทุกครั้งที่ได้ออกค่าย มักจะได้อะไรหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ ระหว่างอาสา ด้วยกัน
หรือแม้แต่ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ได้พบเจอ แต่ส่วนนึงที่ประทับใจมาก ก็คือ ได้เห็นรอยยิ้มของน้องๆ
ได้เห็นแววตาที่มีความหวัง ของคนที่อยู่ห่างไกล ได้เห็นแววตาเด็กๆ และชาวบ้าน ดูมีความหวัง
ว่ายังมีคนพื้นราบ ยังเป็นห่วงและพร้อมจะช่วยเหลือพวกเค้า แม้ว่าระยะทาง เส้นทาง จะกันดาร
เท่าไร เราคนไทย ก็ไม่ทิ้งกัน ประทับใจมากครับ ..

งานนี้ ผมเอาเจ้า Fuji X10 ไปด้วย แต่ว่าก็ไม่ค่อยได้มีเวลาถ่ายเท่าไรนัก เพราะทำงาน
แต่จากการใช้งานจริงๆ ถือว่าเจ้า X10 สอบผ่านเลยทีเดียว ใช้งานได้ง่าย ครอบคลุม
และ file ภาพที่ได้ ถือว่ามีคุณภาพสูง ใช้ได้เลยทีเดียว ถ้าใช้คล่องๆ น่าจะได้รูปไม่แพ้
พวก DSLR เลยทีเดียว ..

ดูรูปและบรรยากาศเพิ่มเติมได้ที่
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.4198387242849.2142592.1379813288&type=3

ได้กล้องคู่ใจ ตัวใหม่ Fuji X10

ได้กล้องคู่ใจ ตัวใหม่ Fuji X10 (ภาพนี้ ถ่ายจาก iPhone 4s นะครับ)

หลังจากที่ผมตัดสินใจจะหากล้องเล็กๆ คู่ใจ ตัวใหม่สักตัว เพื่อความสะดวก
ในการเดินทาง ไปไหนมาไหน โดยความต้องการของผมก็คือ ต้องพกพาสะดวก
ต้องถ่ายภาพได้ครอบคลุมหลายๆ ช่วง คุณภาพของภาพที่ได้ ต้องพอใช้ได้
พอถ่ายภาพมาเขียนเรื่องราว review ต่างๆ ในเว็บได้ ราคาต้องไม่แพง
และที่สำคัญต้องใช้แล้วดูดี ดูหล่อ ..

ตอนแรกที่เล็งๆ ไว้ก็มีอยู่หลายตัวเช่น Olynpus OM-D, Fuji X100,
Fuji X-E1, Leica M9 คือเน้นรูปร่างหน้าตา design ต่างๆ ของกล้อง
ที่ดูสวยงาม ดูหล่อเวลาใช้งาน แต่ แต่ละตัวที่ผมสนใจ ล้วนมีราคาโหดๆ ทั้งนั้น
จะดูเหมือนถ้าใช้พวกนี้ งบจะบานปลาย คือทุกตัวเปลี่ยน lens ได้ยกเว้น
Fuji X100 ก็จะทำให้ต้องเสียค่า lens อีก แค่ body อย่างเดียวก็เยอะแล้ว
แต่ถ้าจะซื้อ Fuji X100 ที่ราคา 30,000 บาท ต้นๆ ก็เป็น lens fix 35mm
ที่ใช้งานทั่วๆ แบบที่ผมใช้ ไม่สะดวกนัก ..

จากการหาข้อมูล จากเว็บต่างๆ ก็เลยมาลงตัวที่เจ้า Fuji X10 ไม่ว่าจะเป็น
รูปร่างหน้าตา design คุณภาพของภาพถ่ายที่ได้ และระยะของ lens 28-112mm
ที่เป็นแบบ zoom มือหมุน ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานของผม สะดวกตรงไม่ต้อง
เปลี่ยน lens ตัวเดียวก็ครอบคลุม ทุกความต้องการ และที่สำคัญ ราคาไม่แพง ..

เมื่อตัดสินใจได้ ผมก็ไม่รอช้า ไปถอยเจ้า Fuji X10 มาทันที ในราคาเงินสด
ประมาณ 16,xxx บาท แต่รวมๆ อุปกรณ์เสริมแต่งหล่ออื่นๆ คือ case และ hood
ก็ตกประมาณ 18,000 บาท ถือว่าคุ้มมากๆ สำหรับกล้องคุณภาพระดับนี้ เพราะว่า
สมัยกล้อง digital ออกใหม่ๆ ผมเคยซื้อกล้อง compact ความละเอียด 1.3M
Memory 4MB ในราคาเกือบ 50,000 บาท แต่เดี๋ยวนี้ ราคากล้องถูกลงมามาก ..

สำหรับการใช้งานในวันแรกของผม พบว่า มันยังไม่ถนัดมือเท่าไรนัก เพราะใช้แต่
DSLR ตัวใหญ่ๆ มาตลอด พอมาใช้กล้องตัวเล็ก รู้สึกว่ามันจับไม่ค่อยถนัด ไม่เต็มมือ
การปรับค่าต่างๆ ก็ต้องมาเริ่มศึกษาใหม่ แต่ใช้ไปสักพัก ก็เริ่มชินละ file ที่ได้
จากเจ้า X10 ของผม ถือว่ามีคุณภาพดีมากๆ สามารถถ่ายภาพต่างๆ มาเขียนเล่า
เรื่องราว ในเว็บของผมได้เป็นอย่างดี พกพาไปไหนก็ได้สะดวกสบาย ไม่ต้อง
แบกกล้องแบกเลนส์ หนักๆ ไปด้วย เพราะงานผมส่วนใหญ่ ก็ต้องการความละเอียด
แค่ภาพลงเว็บ เท่านั้น เจ้า X10 ถือว่าตอบโจทย์ ได้ดีทีเดียว ..

วันหลังผมจะมาเขียนเล่าถึงประสบการณ์การใช้งานเจ้า X10 และภาพที่ได้
ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันอีกครั้งนึง ตอนนี้ ขอตัวไปใช้งานให้ชินก่อนครับ ..