วันนี้ ผมจะมาเล่า trick เล็กๆ น้อยๆ ในการเลือกใช้งาน IoT SIM สำหรับ อุปกรณ์ IoT ของเรากันนะครับ .. ว่าทำอย่างไร จะคุ้มค่าและประหยัดสุด ..และพูดถึงเหตุผลที่ทำไม ผมยังไม่เลือกใช้บอร์ด NB-IoT ของค่ายมือถือต่างๆ ..
ปัจจุบัน ค่ายมือถือ ไม่ว่าจะเป็น ais, dtac, true ต่างก็ออกบอร์ด NB-IoT ของตัวเองกันออกมา พร้อมกับแถม package data สำหรับ IoT ให้ด้วย .. แต่ราคาผมมองว่ายังสูงไปครับ คือประมาณ 2-3000 บาท/บอร์ด ..
ส่วนราคา โดยประมาณ สำหรับ package ที่แต่ละค่ายตั้งไว้ ก็ประมาณนี้ครับ
ais 350 บาท/ปี
dtac 420 บาท/ปี
true 330 บาท/ปี
ให้ data ประมาณ 10MB/ปี (น้อยมาก) แต่อุปกรณ์ IoT เรา ก็ใช้ส่ง data ขนาดเล็กเข้าไปเก็บใน server อีกทีนึงครับ ส่วนใหญ่จะเอาไว้ทำ Sensors Node กัน .. ไม่ได้ต้องการ data มากมายอะไร ..
สรุป ข้อดี/ข้อเสีย ของ บอร์ด NB-IoT ของค่ายมือถือ
ข้อดี
– สะดวก ใช้งานได้ทันที
– มีการรับประกัน ถ้าบอร์ดมีปัญหา
ข้อเสีย
– แพง ถ้าเรานำไปใช้งานหลายๆ จุด ก็จะใช้งบประมาณจำนวนมาก
– ไม่สามารถนำ SIM ไปใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้ เพราะส่วนใหญ่เป็น e-SIM
– ไม่สามารถย้ายค่ายได้ เพราะบอร์ด ผูกติดกับค่าย
ด้วยเหตุผลด้านบน เมื่อเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ของบอร์ด NB-IoT จากค่าย ผมเลยยังไม่เลือกใช้งาน เพราะว่างานที่ผมทำ ต้องใช้หลายจุด ต้องใช้งบประมาณอย่างประหยัด .. และที่สำคัญ Wi-Fi เข้าไม่ถึง ก็เลยไม่สามารถใช้บอร์ด ที่รองรับระบบ Wi-Fi ได้ +___+
แล้วแบบนี้ ซื้อพวก SIM เทพใช้ จะคุ้มไหม?
– ไม่คุ้มแน่นอนครับ ด้วยเหตุผลด้านบน คือ เราใช้ data จริงๆ น้อยมาก พวก SIM เทพ เหมาะกับคนที่ใช้ data จำนวนมากๆ ดูหนัง ฟังเพลง หรือ ทำเป็น AP ในพื้นที่ห่างไกลอินเตอร์เน็ตเข้าถึง .. บ้านผมเอง ก็ใช้ครับ ..
แล้วทำยังไง ถึงจะใช้อุปกรณ์ IoT ได้อย่างประหยัดดีล่ะ?
– ใช้บอร์ดที่ใส่ SIM ได้ ราคาประมาณ 300-500 บาท
– ใช้ SIM ทรู แบบเติมเงินครับ data 1MB ประมาณ 1 บาท เท่านั้น เติม 10 บาท อยู่ได้ 30 วัน
1 ปี เราก็จะใช้เงินเพียงประมาณ 120 บาท เท่านั้นครับ ประหยัดกว่าเยอะ ..
ใครมี trick เพิ่มเติมอะไร ก็มาเล่าสู่กันฟังได้นะครับ หรืออยากสอบถามอะไรเพิ่มเติม ก็ comment เข้ามาได้ครับ 🙂