ช่วงวันที่ 29 – 31 July ที่ผ่านมา เรามีโอกาสเดินทางแบบ backpack
ไปเที่ยวปีนัง การเดินทาง ใช้สายการบิน Air Asia เที่ยวบินที่ไปถึงก็เย็นๆ
ที่ปีนังเวลาจะเร็ว กว่าไทย 1 ชั่วโมง (GMT+8) ..
Trip นี้เราเองไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากนัก เพราะว่าเป็น trip สั้นๆ ใกล้ๆ
ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมตัว จึงเป็นที่มาของชื่อ trip นี้ คือ
“เที่ยวปีนัง (Penang) กับตังค์ 500 บาท” เรากะไปแลกเงินที่ดอนเมือง
ใน gate ปกติจะมี Money Exchange ของ SCB ที่สามารถใช้
บัตรเครดิตของ SCB รูดเป็นเงินสกุลต่างๆ ได้ โดยที่ rate Ok เรารับได้
เพราะเราไม่ได้กะแลกไปมาก ถ้าแลกมากๆ ก็ไป SuperRich ก็จะดีกว่า ..
แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ระบบ Online ของ SCB มีปัญหาพอดี เราก็เลย
แลกเงินไม่ได้ ข้างในไม่มีตู้ ATM ด้วย เครื่องก็ boarding pass แล้ว
เลยต้องรีบไป ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า เพราะว่าปกติประเทศอื่นๆ
จะมี Money Exchange แบบที่เอา credit card ไปรูดเป็นเงินสดได้
แต่ที่ปีนัง (มาเลย์เซีย) ไม่มี เค้ารับ “Cash Only” งานงอกสิครับทีนี้
เพราะว่ามีเงินสดติดตัวเป็นเงินไทย ไปแค่ 500 บาท บัตร ATM ที่ใช้อยู่
ก็เป็นบัตร ATM แบบธรรมดา ไม่ใช่ Visa, Master Card ก็เลยไม่สามารถ
กดที่ต่างประเทศได้ ปกติกดเงินต่างประเทศ จะเสียค่าธรรมเนียม 100 บาท
ส่วนบัตรเครดิต จริงๆ สามารถกดเงินสดได้ แต่ว่าเราไม่เคยกด เลยจำ
Password ไม่ได้ ก็เลยงานงอก ไม่รู้จะทำอย่างไร เอาวะ 500 บาท
ไปแลกเป็นเงิน RM ได้ประมาณ 52RM เข้าไปในเมือง ไปหาที่พัก
ที่จองไว้ก่อน เผื่อในเมือง จะมีที่แลกเงินแบบรับรูดจากบัตรเครดิตได้ ..
สำหรับการเดินทางจาก Penang International Airport จะมีรถ bus
หลายสายที่สามารถเดินทาง ไปที่ตึก Komtar ที่เป็นศูนย์รวมของการขนส่ง
ในปีนังได้ เช่นสาย 102, 401, 401E ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที ราคา 3RM ..
ที่พักที่เราจอง อยู่ในย่านเมืองเก่า ย่าน Street Art of George Town
เป็นที่พักๆ ชิคๆ คูลๆ Container Hotel Penang เราจองเป็น ห้องรวม
คืนละ 30RM เป็นตู้คอนเทนเนอร์ แบ่งเป็นเตียงย่อยๆ 2 ชั้น ที่พักดีมาก
ไม่มีเสียงรบกวนจาก ผู้เข้าพักคนอื่น ถึงแม้จะเป็นห้องรวมก็ตาม เก็บเสียงดีมาก
ห้องน้ำ แยกชายหญิง สะอาดดี มีสบู่ กับยาสระผมให้ ตอนเราไปถึง เจ้าหน้าที่
จะให้ถุงเรามาถุงนึง ที่มีผ้าเช็ดตัว และแปรงสีฟันและยาสีฟันให้ชุดนึง ..
ที่พัก เราจองผ่าน agoda มาก่อนแล้ว ก็เลยไม่ต้องจ่ายค่าที่พัก รอดไป ..
หลังจากเข้าที่พัก เก็บเป้สัมภาระ เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเราเดินสำรวจ
ย่าน George Town ที่เต็มไปด้วย รูปภาพศิลปะ ตามผนังตึกต่างๆ
เราเองก็เดินตามจุด check point จากแผนที่ ที่ขอมาจาก Hostel
จุดต่างๆ อยู่ใกล้ๆ กัน เดินไปได้เรื่อยๆ ส่วนใหญ่ จะเจอแต่นักท่องเที่ยวจีน
เราเอง เดินถ่ายรูปไปด้วย เดินหา Money Exchange ที่สามารถจะรูดเงิน
จากบัตรเครดิตได้ แต่ทุกๆ ที่จะบอกเหมือนกัน ให้ไปกด ATM เป็นเงินสด
เพราะเค้ารับแต่ “Cash Only” อธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจ ว่าบัตร ATM เรา
มันกดไม่ได้ เพราะเป็นบัตรแบบธรรมดา +____+
ตอนนี้ มีเงินเหลืออยู่ติดตัวไม่ถึง 40RM แล้ว เพราะว่าซื้อน้ำบ้างอะไรบ้าง
ในระหว่างการเดินทาง เราก็เลยเดินมาย่าน Love Lane เพราะได้ยินมาว่า
แถวนี้ของกินต่างๆ ร้านรวงต่างๆ มีมากมาย ราคาไม่แพง ก็เลยได้ผัดไทย
ราคาประมาณ 4RM เป็นอาหารของค่ำคืนนี้ ได้เจอเพื่อนคนไทย แถวนี้หลายคน ..
Love Lane หรือถนน Lebuh Chulia เป็นถนนสายบันเทิง ของปีนัง
นักท่องเที่ยว หลายเชื้อชาติ มารวมตัวกันที่ถนนนี้ มีความหลากหลายมาก
แต่ราคาเหล้าเบียร์ ที่ปีนังค่อนข้างแพงมาก อาจจะเพราะภาษี ของที่นี่
อย่างเบียร์กระป๋องนึงประมาณ 12RM หรือประมาณ 100 บาทไทย ..
แต่ทุกที่ย่อมมีจุด Dark ของแต่ละที่ ที่ปีนังจะมีอยู่ร้านนึง ที่เป็นทางลัด
ไป Love Lane ตอนแรกเราก็งงว่า ทำไมร้านนี้ นักท่องเที่ยวนั่งกันเยอะจัง
ทั้งๆ ที่ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ แต่พอได้ไปนั่งคุย กับคนท้องที่ชาวมาเลย์
ก็เลยได้ความรู้อะไรเยอะมาก พี่เค้าพูดได้ 4 ภาษา ทั้งมาเลย์ อังกฤษ
จีน และอินเดีย เคยเป็นนักฟุตบอล มาแข่งที่หาดใหญ่ ด้วย ..
ที่นี่เบียร์จะราคาถูกมาก คือประมาณ 3 กระป๋อง 10RM ถูกว่าร้านปกติ
หรือ 7-11 ประมาณ 4 เท่า ก็งงเหมือนกัน ว่าร้านนี้เค้าทำได้ยังไง
แต่ดูจากร้าน เหมือนจะเป็นร้านขายของชำเก่าแก่ น่าจะได้รับการยกเว้น
เรื่องภาษี แต่ขายดีมากๆ วันนึงไม่น่าต่ำกว่า 5000 กระป๋อง
ที่น่าแปลกคือ SINGHA Beer ที่นี่ถูกกว่าที่ขายในเมืองไทย คือประมาณ 4RM ..
คืนนั้นหลังจากเดินเที่ยวสำรวจปีนัง ยามค่ำคืน ก็กลับที่พักนอนหลับสบาย
เพราะเดินเหนื่อยมาทั้งวัน .. เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ ให้เพื่อนที่ไทย
โอนเงินผ่าน Western Union มาให้ เราก็เดินหาที่รับเงิน ส่วนใหญ่
วันเสาร์ก็จะปิดหมด แต่มี Post Station ด้านล่างตึก Komtar ที่รับขึ้นเงิน
แต่ว่าปิดตอนเที่ยง เราไปถึง ก็ปิดแล้ว สรุป ก็หาที่ขึ้นเงินไม่ได้อยู่ดี ..
เรา Post ถามคำถามเรื่องการรับเงินไว้ใน FB ก็มีเพื่อนๆ มาตอบ
มาให้คำแนะนำกันเยอะมาก แต่สรุปแล้วก็คือ ให้กด ATM แต่อย่างที่บอก
ไว้ตอนแรก ว่า ATM เราเป็นบัตรธรรมดา กดเมืองนอกไม่ได้ ..
กลับมาถึงไทย คงต้องรีบทำบัตร ATM ที่เป็นบัตรเดบิต Master/Visa
เผื่อเจอปัญหานี้อีกเวลา เดินทาง จะได้เอาตัวรอดได้ ไม่ลำบากแบบนี้ ..
บังเอิญคุณจิ๊บ เพื่อนใน FB ได้แจ้งมาว่า เค้ามีน้องคนไทย ทำงานอยู่ปีนัง
เดี๋ยวให้เอาเงินสดมาให้ แล้วน้องเค้าก็นัดผมให้รอตรงไหนแล้วเค้าก็
ขับรถเอาเงินสดมาให้ ต้องขอบคุณคุณจิ๊บและน้องทั้งสองคนมากๆ ครับ ..
ไม่งั้นผมไม่น่าจะรอด คงต้องขายกล้องฟิล์ม Olympus PEN-D ที่ติดมา
เพราะมีร้านซื้อขายของเก่า หรือนักท่องเที่ยว ที่นิยมกล้อง retro อยู่เยอะ
ไม่ก็นั่งเปิดหมวก เขียนกลอนภาษาไทย ให้นักท่องเที่ยว น่าจะมีคนสนใจ ..
สรุปเย็นวันเสาร์เราก็รอดมาได้ ได้มีเงินสดไว้ใช้เดินทางท่องเที่ยว
แต่เย็นมากแล้ว ก็ไปไหนไกลๆ ไม่ได้ แต่ก็ยังอุ่นใจกว่าตอนมีเงิน
เหลือในกระเป๋า ไม่ถึง 10RM ..
เช้าวันอาทิตย์ เราก็เดินหาที่ขึ้นเงิน Western Union สรุป ไม่มีที่ไหนเปิด
แต่ดูในเว็บ บอกว่าเปิด พอโทรไป บอกให้มา Monday ซึ่งเราจะกลับบ่ายๆ
วันนี้อยู่แล้ว ก็เลยทำใจ คิดว่าค่อยว่ากันอีกที ไปให้เพื่อนยกเลิก ตอนกลับไทย
ก็น่าจะได้ .. ก็เลยเดินถ่ายรูป ชิลๆ ไปเรื่อยๆ ตามจุดต่างๆ แวะชิมของกิน
ขนม เครื่องดื่มต่างๆ ย่าน China Town ที่นี่ค่าครองชีพ จะสูงกว่าไทย
พอสมควร เรียกว่า แพงกว่าประมาณ 2-3 เท่า รายได้น้อยๆ แบบเรา
ถ้ามาอยู่ที่นี่คงอยู่ยาก ..
ประมาณ 2PM เราก็เดินทางกลับ ขึ้นรถ bus สาย 102 จาก Komtar
สายนี้จะผ่าน Queen Beach ซึ่งน่าจะเป็นย่านที่พักตากอากาศชายทะเล
ของที่นี่ เพราะโรงแรม ร้านรวง ต่างๆ เยอะมาก เจริญกว่าแถว Komtar
ถ้ามีโอกาสได้มาอีก จุดนี้เป็นจุดนึง ที่ไม่น่าพลาด แต่เราพลาดไปแล้ว
แค่ได้นั่งรถผ่าน ได้ชื่นชมบรรยากาศ ก็ยังดี ..
มาถึง Penang International Airport ก็ประมาณ 3.30PM เราก็
เดินไปเจอที่ขึ้นเงิน Western Union พอดี สรุป ได้เงินตอนจะกลับแล้ว
ก็ยังดีไม่ต้องวุ่นวายตอนกลับมาไทย ก็เลยแลกเป็น RM มา พอเครื่องมาถึงไทย
ก็จะแลกเงินกลับที่ Money Exchange ที่สนามบินดอนเมือง แต่ว่า rate
ไม่ค่อยดีเท่าไร คือได้ 7.7 เราเลยรอวันจันทร์ แล้วมาแลกที่ SuperRich
สาขา Central พระราม 9 ได้ rate 8.6 ก็ถือว่า Ok ..
สรุป trip ปีนัง ใช้เงินน้อยมากจริงๆ ครับ ประมาณ 500 บาท เพราะว่า
ที่พักจองผ่าน Agoda ไปแล้ว ปีนังเป็นเมืองเงียบๆ มีภาพวาด และเหล็กดัด
เป็นรูปต่างๆ รอบๆ เมือง สวยงามดี ผู้คนมีหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา
แต่เค้าอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบดี ถ้ามีโอกาส เราคงต้องมาเยือนอีกแน่นอนครับ ..